ไปเที่ยวเชียงคาน

ตลาดหุ้นช่วงนี้คงทำให้นักลงทุนหลายคนอึดอัดคงต้องหาวิธีดูแลสภาพจิตใจกันหน่อย   หนีไปเที่ยวคงเป็นคำตอบต้นๆ ที่น่าจะช่วยฟื้นฟูจิตใจได้เป็นอย่างดี

เมื่อกลางเดือนธันวาคมปีพ.ศ.  2556  ผมได้หาเวลาแบกเป้ไปพักผ่อนคนเดียวที่เชียงคาน  จังหวัดเลย ซึ่งเป็นเมืองที่ติดริมน้ำโขง  ฝั่งตรงข้ามเป็น สปป. ลาว  เพื่อนบ้านของเรานั่นเอง    และเมื่อปลายเดือน พฤศจิกายน  พ.ศ. 2558 นี้ ได้มีโอกาสไปที่เชียงคานอีกครั้งหนึ่งกับครอบครัวโดยบังเอิญ 

การเดินทางครั้งนี้ด้วยรถตู้ซึ่งแตกต่างจากคราวก่อน   ผมจึงขอเล่าถึงอารมณ์  ความรู้สึกต่างๆ  ที่มีต่อเชียงคานในคราก่อนและสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป   รวมถึงแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้กับผู้อ่านเผื่อจะหาเวลาไปพักผ่อนริมน้ำโขงเหมือนกับคนอื่นบ้าง

เริ่มต้นที่การเดินทางก่อนสำหรับผู้ที่ต้องการแบกเป้ก็สามารถทำได้สะดวก   เพราะมีรถทัวร์ให้บริการจากหมอชิตไปถึงตัวเมืองเชียงคานหรือจะลงที่สถานีขนส่งจังหวัดเลยแล้วต่อรถสองแถวไปที่เมืองเชียงคานก็ได้    ส่วนใครจะขับรถยนต์ไปอาจต้องเตรียมความพร้อมของร่างกายสักหน่อย เพราะใช้เวลาเดินทางนาน 8-9 ชั่วโมง

เส้นทางเดินรถมี 2 เส้นทาง  คือ 1. ไปทางลพบุรี เพชรบูรณ์ ด่านซ้าย ภูเรือ เมืองเลย เชียงคาน (มีช่วงไต่เขา ลงเขา ระยะทางใกล้กว่า)  2. ด่านขุนทด ชัยภูมิ ชุมแพ ภูกระดึง วังสะพุง เมืองเลย เชียงคาน (รถทัวร์วิ่งเส้นนี้)   หรือจะใช้บริการสายการบินต้นทุนต่ำไปลงที่สนามบินเลยก็ได้  อยู่ห่างจากตัวเมืองเลยประมาณ 3-6 กิโลเมตร  ต่อรอเข้าไปที่ตัวเมืองแล้วใช้บริการสองแถวต่อไปที่เชียงคาน

สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนคือคราวก่อนที่ผมไปอุณหภูมิประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส ในช่วงกลางวันเย็นสบายเหมาะแก่การพักผ่อนมาก   แต่ไปคราวนี้กลางวันอากาศร้อนเอาเรื่องทีเดียว   ผมจำได้ว่าคราวก่อนฝนตกด้วยยิ่งทำให้อากาศหนาวได้ใจทีเดียว     

คราวนี้ช่วงเช้าอากาศจะเย็นสบายๆ  แต่กลางวันจะร้อน     ส่วนเรื่องที่พักจะมีทั้งแบบเชิงพาณิชย์  เช่น โรงแรม เกสต์เฮาสต์  แบบโฮมสเตย์ที่ต่อเติมหลังบ้านหรือชั้น 2 แยกเป็นส่วนตัวจากเจ้าของบ้าน   หรือแบบโฮมสเตย์ที่ร่วมอยู่กับเจ้าของบ้าน   มีข้อดี ข้อด้อยต่างกันสามารถเลือกได้ตามอัธยาศัย 


ปัจจุบันนี้ทางเดินเรียบแม่น้ำโขงมีสะพานที่สร้างขึ้นเหมาะแก่การเดินหรือวิ่งชมวิวทิวทัศน์ได้อย่างสบาย   และภาพจากที่พักที่อยู่ติดริมโขงและอีกฝั่งที่ติดถนนคนเดิน




เริ่มต้นเช้าตักบาตรข้าวเหนียว  ส่วนใหญ่แจ้งทางที่พักแล้วเจ้าของที่พักจะจัดเตรียมให้    จากนั้นไปนมัสการไหว้พระตามวัดต่างๆ  ซึ่งที่เชียงคานมีวัดอยู่เรียงรายใกล้ๆ กัน สามารถไหว้พระ 9 วัด ภายในวันเดียวได้อย่างสบายๆ    สอบถามจากชาวบ้านแนะนำให้นมัสการวัดศรีคุณเมือง หรือวัดใหญ่ อยู่แถวซอย 7     ขณะที่ตลาดคนเดินเริ่มคึกคักช่วงเย็นถึงค่ำ











หากผู้อ่านแบกเป้ไปผมแนะนำให้เช่ารถเครื่องหรือจักยานยนต์เพื่อขี่ไปชมสถานที่ที่ห่างออกไปจากถนนคนเดิน   มีทั้งร้านที่ให้เช่าและติดต่อเจ้าของโฮมสเตย์แบบส่วนตัว     ถึงตอนนี้คงหมดปัญหาเรื่องการเดินทางแล้วเริ่มไปเที่ยวชมวิวภูทอกอาจจะต้องตื่นเช้าสักหน่อยเพื่อไปชมทะเลหมอก   ช่วงที่ผมไปไม่มีหมอก...แย่จัง

แหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ ภูทอกจะเป็นแก่งคุดคู้ ซึ่งเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่กลางลำน้ำโขง









ของฝากที่ขึ้นชื่อของที่เมืองเชียงคานคือมะพร้าวแก้ว   ต้องลองชิมสักหน่อยหรือซื้ออุดหนุนชุมชนเพื่อช่วยกระจายรายได้












นอกจากนั้นเลยไปอีกสัก 10 กว่ากิโลเมตร จะมีวัดพระพุทธบาทภูควายเงิน   คราวก่อนที่ผมไปยังไม่เป็นที่รู้จักมีผู้คนไปน้อยและมีกระต่ายเผ่นผ่านไปหมด    แต่คราวนี้มีผู้คนไปมากขึ้นทั้งรถตู้ รถส่วนตัวและกระต่ายถูกจำกัดพื้นที่ในตาข่ายขนาดกว้างใหญ่


อีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจไปเที่ยวหากมีเวลาคือไปนมัสการพระใหญ่ภูคกงิ้ว ห่างจากตัวเชียงคานประมาณ 20 กิโลเมตร   ผมได้ขี่จักรยายนต์ชมวิวกินบรรยากาศเมื่อคราวก่อน  ทางไปค่อนข้างเปลี่ยว ลำบากสักหน่อย  ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ดีขึ้นหรือยังเพราะคราวนี้ไม่มีโอกาสได้ไปอีก


ขอเล่าถึงบรรยากาศเมื่อคราวก่อน  เมื่อไปเห็นความงดงามของพระใหญ่และความงามของธรรมชาติแล้ว   บอกได้สามคำว่า...สุดยอดมาก   ยังไม่จบทริปเน่อ  เราจะไปกันต่อที่ภูเรือ ด่านซ้าย  ไหนๆ ตลาดหุ้นก็ไม่เป็นใจอยู่แล้ว  เที่ยวกันดีกว่า ตามต่อนะครับ  ขอให้โชคดี มีสติครับ...

                                                                                                                          “ภูผีเสื้อ”          

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด