แบกเป้เที่ยวหนองคาย
ออกเดินทางจากเวียงจันทน์ในช่วงบ่ายด้วยรถโดยสารระหว่างประเทศ ผ่านทางด่านพรมแดนหนองคาย
เนื่องจากเป็นช่วงกลางวันทำให้มีผู้โดยสารทั้งคันประมาณ 10 กว่าคน
จึงใช้เวลาไม่นานนักในการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ใช้เวลาเดินทางจากเวียงจันทน์ถึงสถานีขนส่งจังหวัดหนองคายประมาณ
2 ชัวโมง
ไปถึงสถานีขนส่งฯ บ่ายแก่ๆ
ทีแรกตั้งใจว่าจะไปพักที่โรงแรม Hop Inn เปิด GPS
แล้วค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ชมเมืองไปด้วย ระหว่างทางผ่านหนองคายซิตี้ โฮเทลจึงแวะเข้าไปดู เห็นที่พักแล้วถูกใจ ราคาโปรโมชั่น
480 บาทต่อคืน
นอนร่วมกับชาว Backpacker มา 2 คืนล่ะ ขอนอนแบบส่วนตัวๆ ซะคืนเถอะ..จะได้กรนสบายๆ ฮ่าๆ
ก่อนเข้า check-in เยื้องๆ โรงแรมมีร้านเสริมสวย ติดป้ายบริการรถให้เช่าจักรยานยนต์ ราคาที่ 250 บาทต่อวัน ราคาถูกกว่าที่เวียงจันทน์ซะอีก หลังจากได้ที่พักและรถจักรยานยนต์เป็นเวลาเย็นประมาณ
6 โมง
โดยขอแผนที่ท่องเที่ยวจากโรงแรม
ขอบอกว่าแผนที่ดีมาก...
น้องผู้หญิงที่ร้านเสริมสวยแนะนำว่าให้ไปนมัสการพระธาตุกลางน้ำและพระธาตุหล้าหนองเพื่อความเป็นสิริมงคล ห่างออกไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร ไปถึงที่ก็มืดพอดีจึงได้ภาพตอนค่ำและพรุ่งนี้จะมาเก็บบรรยากาศช่วงกลางวันเพิ่มอีก ดังนั้นจึงขอนำรูปมาลงรวมกันทั้งหมดในตอนนี้
จากนั้นกลับที่พักระหว่างทางซึ่งไม่ไกลจากพระธาตุกลางน้ำมากนัก ผ่านลานพญานาคจึงแวะเก็บรูปมาฝากและรูปตอนกลางวันของวันรุ่งขึ้นด้วย มีผู้คนมาเดินเล่น ถ่ายรูป
มีร้านตั้งขายของปิ้ง ย่าง
อาหารง่ายๆ และขนมกินเล่นต่างๆ
จากนั้นไปหาอาหารเย็นรับประทานเส้นถนนประจักษ์ มีร้านค้า
ของกินให้เลือกมากมาย
สามารถเลือกได้ตามใจชอบ อิ่มแล้วเข้าที่พัก พักผ่อนเตรียมเที่ยวกันต่อวันพรุ่งนี้
ตื่นเช้ามาต้องเริ่มต้นด้วยการออกไปไหว้พระกันก่อน ที่แรกคือวัดโพธิ์ชัย วัดที่สำคัญและเก่าแก่แห่งหนึ่งของหนองคาย ไหว้หลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหนองคาย เป็นพระพุทธรูปหล่อในประเทศล้านช้าง เป็นหนึ่งในตำนานพระ 3 องค์ คือ พระเสริม
พระสุกและพระใส
จากนั้นไปต่อกันที่ศาลาแก้วกู่ หรือ วัดแขก เพื่อชมสถาปัตยกรรม
เกี่ยวกับพุทธประวัติ
เทวประวัติตามวรรณคดีของพระพุทธศาสนา


จากนั้นกลับเข้าเมืองแวะพระธาตุกลางน้ำ ลานพญานาค
วัดศรีบุญเรือง และแวะตลาดท่าเสด็จ มาทั้งทีไม่เดินตลาดท่าเสด็จ เดี๋ยวจะคุยกับคนอื่นไม่รู้ว่ามาหนองคาย...
ที่เที่ยวในตัวเมืองหนองคายมีไม่มาก
ชาวหนองคายแนะนำให้ไปทางอำเภอสังคม
มีวัดผาตากเสื้อ
ที่มีสกายวอล์กกระจกใสแห่งแรกในไทย
ชมวิวแม่น้ำโขง แต่อยู่ห่างออกไปประมาณ 95 กิโลเมตร ไป-กลับเกือบ 200 กิโลเมตร ผู้เขียนขี่จักรยานยนต์ทนร้อนไม่ไหว จึงขอบายไว้โอกาสหน้าเช่ารถยนต์ดีกว่า..ฮ่าๆ
ช่วงเวลาว่างก็พักผ่อนอยู่ในตัวเมืองดูวิถีชีวิตชาวหนองคาย รอเวลากลับรถไฟในช่วงหัวค่ำ
ผู้เขียนอยากทดลองนั่งรถไฟใหม่ที่เพิ่งสั่งมาจากประเทศจีน ซึ่งเพิ่งเปิดวิ่งสายหนองคาย-กรุงเทพฯ
ได้ไม่นาน ได้ที่นั่งเป็นชั้น 1 เตียงบน ขอบอกว่าค่าโดยสารแพงกว่าไปขึ้นเครื่องบินที่อุดรธานีซะอีก ฮ่าๆ
ผู้เขียนไม่ค่อยประทับใจเท่าไร เพราะจอ Multimedia ใช้งานได้เพียงดู
GPS เท่านั้น
ยังไม่สามารถดูหนัง ฟังเพลงได้ตามที่เป็นข่าว (เดินทางประมาณวัน 20 ธันวาคม 2559) ไม่รู้ว่าตอนนี้จะใช้ได้เต็มประสิทธิภาพหรือยัง?
กลับถึงบ้านในช่วงสายโดยสวัสดิภาพ
และแล้วการเดินทางท่องเที่ยวทริปหลวงพระบาง วังเวียง เวียงจันทน์
และหนองคายของผมก็จบลง
การที่เราออกจากพื้นที่ปลอดภัย (Comfort Zone) ไปเห็นอะไรใหม่ๆ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เราได้ ทริบหน้าผมจะไปไหน...ติดตามชมกันนะครับ ขอให้โชคดี...มีสติ
“ภูผีเสื้อ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น