บินเดี่ยวเที่ยวมะละกา...

ห่างหายจากการเขียนบทความไปนาน...จะมีผู้อ่านคิดถึงกันบ้างไหมน้อ?   ช่วงหลังสงกรานต์สัก 1 สัปดาห์ผมได้หาเวลาไปเที่ยวมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านเราทางทิศใต้    และวางแผนที่จะไปดำน้ำคลายร้อนสักหน่อย...ซึ่งผมจะไปไหนบ้าง?  ต้องติดตามกันในบทความซี่รี่ส์ชุดนี้

เริ่มต้นจองตั๋วโปรโมชั่น บาทกับแอร์เอเชียประมาณเดือนตุลาคมปีที่แล้ว   โดยเลือกไปที่กัวลาลัมเปอร์  อยากไปดูเมืองหลวงของเพื่อนบ้านว่าเป็นอย่างไร?   ความตั้งใจแรกมีเพียงเท่านั้น    ช่วงวันหยุดสงกรานต์ได้หาข้อมูลเพิ่มเติม  ทำให้วางแผนไปเที่ยวมะละกาซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกด้วย  (MELAKA WORLD HERITAGE CITY)

เนื่องจากมะละกาอยู่ลงไปทางใต้ของกัวลาลัมเปอร์จึงเป็นที่แรกของทริป  ไปไกลก่อนแล้วค่อยล่องกลับ   โดยเดินทางจากสนามบินดอนเมืองประมาณ 8 โมงเช้าไปถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA2) ประมาณใกล้เที่ยง (เวลาที่มาเลเซียเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) กว่าจะแลกเงินและซื้อ Sim Card ก็ใช้เวลาไปพอสมควร  

(เรื่องการแลกเงิน แนะนำให้แลกที่เมืองไทยไปสักครึ่งหนึ่งของการวางแผนการใช้จ่ายก่อน  เพราะวันที่ผมเดินทาง อัตราแลกเปลี่ยนที่ดอนเมืองดีกว่าที่มาเลเซียค่อนข้างมาก)

จากนั้นเดินไปที่ชั้นล่างสุดเพื่อไปซื้อตั๋วรถบัสที่เคาน์เตอร์ไปมะละกา  ราคาประมาณ 22-23 RM  ผมเดินทางประมาณ 13.15 น.(เวลามาเลเซีย) ไปถึง ท่ารถ MELAKA SENTAL เกือบ 16.00 น.   หาอาหารกลางวันกินก่อนต่อรถเมลล์สาย 17 เข้าเมืองมะละกา

ไปลงที่จุดศูนย์กลางคือจตุรัสแดง หรือ จตุรัสดัชต์ (Dutch Square)   ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมะละกา


จากนั้นเดินไปที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก  ซึ่งผมพักที่ Prima Hotel  ราคาโปรโมชั่นประมาณ 500 บาท รวมอาหารเช้าโดยจองกับ Agoda  ก็ถือว่าราคากับบริการสมเหตุสมผล      กว่าจะถึงที่พักเวลาเกือบ 16.30 น.    จากนั้นวางแผนเที่ยวเมืองมะละกากัน   อ้อ...ลืมบอกไป ผมแวะขอแผนที่จากศูนย์ Information ที่ Melaka Sentral ติดมือมาด้วย  ช่วยได้มากทีเดียวเพราะอย่างไรก็ดูง่ายกว่าแผนที่ในสมาร์ทโฟนแน่ๆ

พักเหนื่อยสักครู่ก็ถึงเวลาเดินเที่ยวเมืองมะละกากัน   มะละกาเป็นเมืองเล็กๆ  สามารถเดินเท้า ชมเมืองแบบเรื่อยๆ  สบายๆ   โดยในแผนที่บอกสถานที่น่าท่องเที่ยวอยู่ 7 จุดด้วยกันก็เดินไปตามนั้น    ช่วงเย็นพอดีทำให้อากาศไม่ร้อนจนเกินไป 


จุดแรกเริ่มต้นที่จตุรัสแดงแล้วเดินไปทางริมแม่น้ำมะละกา   เจอเรือจอดอยู่บนฝั่งซึ่งสถานที่นี้เรียกว่า  Flor De La Mar   และ Maritime Museum หรือพิพิธภัณฑสถาน ซึ่งเป็นเวลาปิดทำการแล้ว


เดินต่อไปอีกหน่อยก็จะเจอหอคอยมะละกา (Taming Sari Tower)  เพื่อชมทิวทัศน์ของเมือง


จากนั้นไปต่อที่ เอ ฟาโมซา เป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรป  เดินขึ้นไปบนเขามีวิหาร เซนต์ พอล ตั้งอยู่  และสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมือง  รวมถึงทะเลที่อยู่ไกลออกไป  ผมคาดเองว่าน่าจะเป็นช่องแคบมะละกา  ตามที่เราเคยได้เรียนมา













ใกล้ๆ กันเป็นที่ตั้งของ Proclamation of Independence Memorial  เป็นพิพิธภัณฑ์ ที่เวลาขณะนั้นปิดทำการแล้ว จึงได้แต่เก็บรูปภายนอกมาฝาก  และอีกรูปหนึ่งเป็นโบสถ์ เซนต์ ฟรานซิสต์ ซึ่งตั้งอยู่ถัดไปจากจตุรัสแดงอีกทางหนึ่ง














เวลาค่ำมาถึง ได้เก็บภาพบรรยากาศในยามค่ำคืนมาฝาก   พร้อมกับไปหาของกินที่ถนนคนเดินอันโด่งดังของมะละกาคือ ถนน Jonker  Walk  ซึ่งหัวถนนอยู่ตรงข้ามกับจตุรัสแดงนั่นเอง


เมืองมะละกาเป็นเมืองเล็กๆ  ที่วางผังเมืองไว้ค่อนข้างดี    มีแม่น้ำ ลำคลอง ไหลผ่านเมือง  สามารถนั่งเรือชมเมืองได้อีกด้วย  อีกทั้งเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปส่งผลให้เป็นเมืองที่สวยงาม  สมกับเป็นเมืองมรดกโลกครับ...

จากนั้นกลับเข้าที่พัก  พักผ่อน  วางแผนท่องเที่ยวกันต่อ  เนื่องจากผมวางแผนท่องเที่ยวคร่าวๆ ไว้เท่านั้น  จึงต้องกลับมาทำการบ้านกันต่อว่าวันรุ่งขึ้นจะไปเที่ยวที่ไหน?  เดินทางอย่างไร? พักที่ไหน?  เริ่มสนุกกับผมบ้างหรือยัง...ตามกันต่อนะครับ   ขอให้โชคดี...มีสติ  

                                                                                                                       “ภูผีเสื้อ”   













ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด