แบกเป้ไปเที่ยวแพร่

เข้าสู่บทความสุดท้ายที่เดินทางไปพักผ่อนปลายปีและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ   เนื่องด้วยจังหวัดแพร่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้และจากบทความก่อนแผนการเปลี่ยนแบบกะทันหัน ทำให้ยังไม่มีข้อมูลใดๆ เลย  ออกจากเมืองน่านถึงแพร่เกือบ 16.00 น.  ก่อนอื่นขอแผนที่ท่องเที่ยวจากประชาสัมพันธ์และหาที่พัก    
        
สอบถามข้อมูลจากคนพื้นเมืองบริเวณขนส่ง  ปรากฏว่าที่พักเต็มหมด เนื่องจากมีการแข่งขันวิชาการของนักเรียนระดับมัธยม  17 จังหวัดภาคเหนือ  เอาอีกแล้ว! กล้วยทอด!  กลับบ้านหรือไปต่อ? เดินไปหาที่พักได้เป็นโฮมสเตย์  ซึ่งก็มีนักเรียนอยู่เต็ม  เจ้าของบ้านใจดีแบ่งพื้นที่ให้อยู่ คืนละ 150 บาทเท่านั้น

ได้ที่พักแล้ว  วางแผนเที่ยวต้องออกไปนอกเมืองเพราะสถานที่ท่องเที่ยวอยู่นอกเมือง  ปั่นสองล้อคงไม่ไหว  เหลือบไปเห็นจักรยานยนต์ของเจ้าของบ้านจอดอยู่   เอ่ยปากขอเช่าวันละ 200 บาท  เติมน้ำมันด้วย  จ่ายเงินเรียบร้อย  พรุ่งนี้ก็ลุยได้!    ทั้งนี้ที่เทศบาลแพร่มีจักรยานให้ยืมขี่ชมเมืองที่กองดับเพลิง

ตื่นแต่เช้าคว้าจักรยานยนต์ไปวัดพระธาตุช่อแฮ ห่างจากตัวเมืองแพร่ประมาณ 9 กิโลเมตร  เป็นวัดอันศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองแพร่   และพระธาตุประจำปีเกิดปีขาล(เห็นรูปคงทราบดี)  เป็นพระเจดีย์ที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุ  และพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า  มีลักษณะเป็นพระเจดีย์แปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองศิลปะเชียงแสนก่ออิฐถือปูนหุ้มด้วยแผ่นทองเหลืองลงรักปิดทอง


ใกล้ๆ วัดพระธาตุช่อแฮมีวัดอีก 2 แห่ง มีผู้คนไปไหว้พระไม่มากนัก  ห่างไปประมาณ กิโลเมตร  มีวัดพระธาตุจอมแจ้ง เป็นปูชนียสถานที่บรรจุพระเกศาธาตุ   พระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า



อีกวัดหนึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูง  ห่างจากวัดพระธาตุช่อแฮ ประมาณ 3 กิโลเมตร  คือวัดพระธาตุดอยเล็ง เป็นพระธาตุที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในจังหวัดแพร่   สามารถมองเห็นทิวทัศน์และภูมิประเทศได้ถึง 3 อำเภอ


ลำดับต่อไป พระธาตุอินแขวนมหาโพธิสัมฤทธิ์  เป็นเจดีย์จำลองจากประเทศพม่า  พระธาตุประจำปีเกิด ปีจอ ณ. ศูนย์ปฏิบัติธรรมมหาโพธิวงศาจริยาราม (พุทธอุทยานดอยผาสวรรค์เฉลิมพระเกียรติ ร.9) ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร  ระหว่างทางเป็นการขี่จักยานยนต์ผจญภัยไปตามไหล่เขา  สัมผัสอากาศเย็นจนปากสั่นทีเดียว 



เมื่อไปที่เมืองแพร่สถานที่พลาดไม่ได้คือ แพะเมืองผี โดยมีพื้นที่ประมาณ 500 ไร่  เกิดจากสภาพภูมิประเทศซึ่งเป็นดินและทรายถูกกัดเซาะตามธรรมชาติเป็นรูปร่างลักษณะต่างๆ เช่น ดอกเห็ดและหน้าผา 



ช่วงเย็นกลับมาเที่ยวในตัวเมืองแพร่  แวะไหว้พระที่วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร และคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ทั้งนี้ยังมีวัดและสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง   แต่ผมทำแผนที่ตกหล่นตรงกลางสี่แยกไฟแดงและคงเพลียกับการท่องเที่ยวตั้งแต่เช้า   ก็ขอจบการเดินทางเพียงเท่านี้เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ















การเดินทางครั้งนี้ผมได้ไหว้พระ ชื่นชมศิลปะวัฒนธรรม ได้พูดคุยกับชาวบ้าน ไปอยู่กับธรรมชาติ  ขี่จักรยายนต์กินลมชมบรรยากาศด้วยเงินเพียง 4,200 บาทเท่านั้นทำให้ผมได้ประสบการณ์และความทรงจำมากมาย อ่านยังเดียวก็สู้ไปสัมผัสของจริงไม่ได้นะครับ ขอบอก...                                                                                                           
                                                                                                                              “ภูผีเสื้อ” 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด