ลงทุนในหุ้นแบบ VI

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) โดยนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า(Value Investor) หรือเรียกโดยรวมว่าการลงทุนแบบ VI เป็นที่แพร่หลาย   แนวทางนี้คิดค้นขึ้นโดยเบนจามิน เกรแฮมและต่อมาวอร์เรน บัฟเฟตต์ นำมาใช้จนเป็นมหาเศรษฐีหุ้นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของโลกในขณะนี้

 แนวทางการลงทุนนี้เน้นลงทุนในกิจการที่ผู้ลงทุนเชื่อว่ามีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานโดยการวิเคราะห์มูลค่าทางบัญชีหรือสัดส่วนทางการเงินแบบต่างๆ เช่น) สัดส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าตามบัญชี (price-to-book ratios, P/BV)  สัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (price-to-earning ratios, P/E)  หรือสัดส่วนเงินปันผล (dividend yields) ข้อมูลทั้งหมดสามารถหาได้ที่ http://www.set.or.th/th/index.html

ในประเทศไทยการลงทุนแนวทางนี้ถูกเผยแพร่โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร  ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าชั้นแนวหน้า  อาจารย์ได้เขียนหนังสือและบทความมากมาย เช่น ตีแตก  เซียนหุ้นมือทอง เคล็ดลับเซียนหุ้นพันธ์แท้  และเขียนบล็อก https://www.settrade.com/blog/nivate/

ผมติดตามผลงานของอาจารย์มาหลายปี   ขอสรุปคร่าวๆ ที่เป็นสาระสำคัญดังนี้ (เนื้อหาทั้งหมดสามารถหาได้จากศูนย์หนังสือทั่วไป) อาจารย์เริ่มลงทุนเต็มตัวในปี 2540 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง  ท่านต้องออกจากงานที่เป็นสถาบันการเงินและมีเงินก้อนหนึ่งจำนวน10 ล้านบาท

ช่วงนั้นสถาบันการเงินปิดกิจการหลายแห่งและมีคนตกงานจำนวนมาก  เศรษฐกิจไม่ดีทำให้ราคาหุ้นตกลงมาต่ำมาก    ท่านจึงเห็นว่าการซื้อหุ้นจะให้เงินปันผลมากกว่าดอกเบี้ยจากธนาคารจึงนำเงินดังกล่าวไปซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน      

ผลที่ตามมาคือนอกจากเงินปันผลที่มากกว่าดอกเบี้ยแล้ว    เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นทำให้ราคาหุ้นนั้นมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วยซึ่งถือว่าเป็นผลพลอยได้    อาจารย์จึงยืดถือแนวทางการลงทุนนี้มาโดยตลอด  ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของท่านน่าจะเป็นหลักพันล้านบาทแล้ว (ถ้าข้อมูลคลาดเคลื่อนไปบ้าง ต้องกราบขออภัยไว้ ณ. ที่นี้ด้วย)      

ในมุมมองต่อการลงทุนแบบนี้ผมคิดว่าสมเหตุสมผล   ถ้าผู้อ่านเคยลงทุนทำธุรกิจมาบ้างจะพบว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จ   ตัวอย่างเช่นถ้าเราต้องการเปิดกิจการร้านกาแฟสดสักหนึ่งร้าน    เริ่มต้นเราคงต้องเตรียมความพร้อมหลายด้าน เงินทุน วัตถุดิบ อุปกรณ์  วิธีการชง  ทำเล การตลาด การขาย  ฯ

การทำธุรกิจต้องใช้เวลาในการรอคอยความสำเร็จ   ก็เช่นเดียวกันการลงทุนแบบ VI  เราจำเป็นต้องค้นหากิจการที่ดี   วิเคราะห์ว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน และอดทนรอคอยความสำเร็จ   เปรียบเหมือนกับเราเป็นเจ้าของของกิจการนั้นๆ ด้วย

การลงทุนแบบนี้เราจำเป็นต้องคาดการณ์อนาคตด้วยว่ากิจการนี้กำลังรุ่งเรืองหรือโรยรา   อ่านงบการเงินของบริษัทนั้นๆ  ได้   เพื่อตรวจสอบว่ากิจการนั้นจะเติบโตต่อไปหรือกำลังมีปัญหา   เพราะในที่สุดแล้วผลประกอบการจะเป็นตัวกำหนดราคาหุ้นรวมถึงเงินปันผลด้วย   

อย่างไรก็ดีถ้าผู้อ่านลงทุนแนวทางนี้ก็อาจจะประสบความสำเร็จเหมือนดร. นิเวศน์ก็ได้   แต่ก็ไม่มีใครการันตีได้ทั้งนี้เมื่อปี 2540 ดัชนี (SET) ลงต่ำสุดที่ 354.29  ขณะนี้ดัชนีอยู่ที่ 1,6xx   ด้วยปัจจัยบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน  จึงมีแนวทางการลงทุนแบบอื่นเกิดขึ้น  ซึ่งจะนำเสนอในโอกาสต่อไป

สุดท้ายนี้ตลาดหุ้นเป็นพลวัตเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  การลงทุนแบบหนึ่งอาจจะเหมาะกับช่วงเวลาหนึ่งและการลงทุนอีกแบบหนึ่งอาจจะเหมาะกับอีกช่วงเวลาหนึ่ง   นี่คือเสน่ห์ของการลงทุนในตลาดหุ้น   เราควรจะเปิดใจทำการเรียนรู้การลงทุนแบบต่างๆ และหาวิธีการลงทุนในรูปแบบของตัวเอง  ขอให้โชคดีครับ...


                                                                                                                           “ภูผีเสื้อ” 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด