แลกเปลี่ยนทัศนคติ

ช่วงนี้การลงทุนในตลาดหุ้นค่อนข้างยากเพราะตลาดยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง    หากผู้อ่านที่ทำงานหนักหรือเป็นนักลงทุนอาจรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานก็อย่าลืมหาเวลาผ่อนคลายร่างกายและจิตใจกันบ้าง    การใช้งานร่างกายและจิตใจที่หนักเกินไปอาจตามมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บ  สุขภาพอ่อนแอ  ไม่ส่งผลดีในระยะยาว

หากติดตามบทความของผมมาในช่วงต้นๆ  จะทราบว่าผมใช้วิธีผ่อนคลายด้วยการวิ่งในช่วงเย็นที่สวนสุขภาพใกล้บ้านอยู่เป็นประจำ     เนื่องด้วยเป็นคนพื้นที่โดยกำเนิดทำให้รู้จักกับผู้คนมากหน้าหลายตาและได้มีโอกาสสนทนากับเพื่อนฝูงระหว่างวิ่งอยู่บ่อยๆ   ช่วยทำให้เกิดความเพลิดเพลินและได้แลกเปลี่ยนทัศนคติต่อกัน

ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้คุยกับเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งได้แต่งงานและย้ายไปอยู่แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ      โดยได้กลับมาทำธุระที่บ้านและได้หาเวลามาวิ่งที่สวนสุขภาพแห่งนี้เช่นเดียวกัน   ทั้งนี้ได้มีการสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันไปตามปกติ

ก่อนหน้านี้เพื่อนคนนี้ได้ประกอบธุรกิจขายกระดาษพิมพ์งานต่อเนื่องให้กับหน่วยงานของราชการ   ซึ่งก็มีรายได้ต่อเนื่องมาด้วยดี    แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีเข้ามาจัดการแทน     ดังนั้นความต้องการใช้กระดาษต่อเนื่องในองค์กรจึงลดลงอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้เพื่อนคนนี้จึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อหารายได้มาชดเชยในส่วนนี้     ในส่วนนี้จะพบว่าธุรกิจมีความไม่แน่นอน  มีความเสี่ยง   ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ ปรับตัวเพื่อเอาตัวรอดในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้       สัจธรรมที่ว่า  “ความไม่แน่นนอน  เป็นสิ่งที่แน่นอน”  เป็นของแท้  เป็นอกาลิโก  ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา  สาธุฮ่าๆ (ธรรมะอีกแล้ว)

อย่างไรก็ดีเพื่อนคนนี้ได้พัฒนาตัวเองด้วยการหาคอร์สเข้าอบรมเกี่ยวกับการทำธุริจใหม่ๆ   ให้ประสบผลสำเร็จ      โดยมีวิทยากรที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจหลายๆด้านมาถ่ายทอดที่กรุงเทพฯ  เวลาเรียนคือทุกวันเสาร์เว้นเสาร์  เป็นรุ่นแรก  ผมจำชื่อคอร์สดังกล่าวไม่ได้ต้องขออภัยและขอชมเชยในการใฝ่รู้ของเขา

นอกจากที่จะได้รับความรู้ใหม่ๆ แล้ว  เขาบอกว่ายังได้สร้างความสัมพันธ์กับผู้ประกอบการคนอื่นที่เข้าอบรมและวิทยากรเพื่อเป็นช่องทางในการทำธุรกิจในอนาคต     และยังได้ยกตัวอย่างถึงธุรกิจต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จที่มาเป็นวิทยากรในคอร์สนี้อีกด้วย  

ในด้านของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้มีการพูดคุยกันในหัวข้อสุดท้าย   ซึ่งเพื่อนคนนี้ยังไม่มีความชำนาญหรือลงทุนอย่างจริงจังเพียงแค่มีการซื้อกองทุนรวมไว้เล็กน้อยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา   แต่มีจุดที่น่าสนใจตรงที่เขากล่าวว่าตอนแรกที่ซื้อนั้นตั้งใจว่าจะทดลองศึกษา   

“เมื่อหุ้นตกลงไปยังจุดที่ตั้งไว้  จะขายตัดขาดทุนแต่ปรากฏว่าไม่ขายทำให้ราคาหุ้นของกองทุนนั้นไหลลงไปลึก    และเมื่อราคาเด้งกลับมาถึงจุดที่เท่าทุนจะขาย   แต่ราคาขึ้นมาใกล้เคียงแต่ไม่ถึงจุดเท่าทุนและไหลกลับลงไปอีกจึงทำให้ติดหุ้นอยู่จนถึงปัจจุบัน    แต่ยังเคราะห์ดีที่ลงทุนด้วยจำนวนเงินไม่สูงนักจึงไม่เกิดความเครียด”

อย่างไรก็ดีจากการสนทนานี้มีสิ่งที่ผมอยากนำเสนอ 2 ข้อ ด้วยกันคือ 1. ข้อความจากวรรคข้างบนเป็นนิยามแบบดั้งเดิม (Classic)   ข้อผิดพลาดต้นๆ  ที่นักลงทุนทุกคนต้องพบเจอ   ยากที่จะหลีกเลี่ยง  ผมก็เจอมาแล้วเช่นเดียวกัน     ถ้าผู้อ่านเพิ่งเริ่มต้นลงทุนแนะนำว่าควรจะลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ก่อน    

ข้อ 2. คือจังหวะเวลาในการลงทุน    ผมเริ่มต้นลงทุนด้วยการซื้อกองทุนรวม LTF เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีประมาณพ.ศ. 2551   ถือไว้ 5 ปีปฏิทินและทำการขาย  มีผลกำไร 3 เด้งคือ 1. ประหยัดภาษี  2.ได้รับเงินปันผล 3. ส่วนต่างราคา เพราะอยู่ในช่วงตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น   

แต่ในส่วนของเพื่อนผมนั้นขาดทุนเพราะเป็นช่วงที่ตลาดผันผวน    จะพบว่าสภาวะตลาด   จังหวะเวลาในการลงทุนมีผลอย่างมากต่อการสร้างผลตอบแทนให้แก่เรา   การแลกเปลี่ยนทัศนคตินั้นนอกจากจะได้รับความเพลิดเพลินแล้วยังได้รับความรู้  ข้อคิดใหม่ๆ อีกด้วย    

สุดท้ายนี้การเดินทางไปถึงเป้าหมายชีวิตก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่อย่างแน่นอน     เก็บเกี่ยวความสุขระหว่างเดิน  สร้างมิตรภาพระหว่างทาง   ถึงเป้าหมายจะมีความสุขหรือไม่..ยังไม่รู้  แต่ความสุขระหว่างทางเกิดขึ้นที่นี่ ...เดี๋ยวนี้    ขอให้โชคดี มีสติครับ...


                                                                                                                          “ภูผีเสื้อ”         

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด