จุดหยุดขาดทุน (Stop Loss)
ผู้อ่านเห็นชื่อบทความแล้วคงไม่ใคร่ยินดีนัก
สำหรับเรื่องการลงทุนนั้นคงไม่มีใครที่ลงทุนแล้วอยากเจอกับคำว่าหยุดขาดทุน
(Stop Loss) แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงคงไม่มีนักลงทุนคนใดที่จะหลีกหนีกับวลีเด็ดนี้ไปได้ ดังนั้นการตั้งชื้อแบบนี้คงช่วยให้เราตระหนักถึงผลเสียที่อาจเกิดจาการลงทุนได้
อย่างไรก็ดีในแง่ของนักลงทุนแนวคุณค่าอาจจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการหยุดขาดทุนมากนัก
เนื่องจากการลงทุนแนววีไอแบบเคร่งคัดนั้นจะคำนวณราคาพื้นฐานและมีการเผื่อความปลอดภัยไว้แล้ว โดยจะเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่ราคาถูกอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าหุ้นราคาลงอีกอาจพิจารณาซื้อเพิ่มตามการบริหารจัดการเงินลงทุนของบุคคลนั้นๆ
โดยส่วนใหญ่ “จุดหยุดขาดทุน”
นี้นักลงทุนแนวโมเมนตัมจะพบเจอกันบ่อยครั้งเนื่องจากการลงทุนแนวนี้จะอาศัยจังหวะเวลาที่หุ้นตัวที่สนใจนั้นอยู่ในกระแสหรือเริ่มมีปริมาณการซื้อขาย
(Volume) ค่อนข้างหนาแน่นจึงเข้าซื้อตาม แต่การลงทุนแบบนี้ในวันต่อๆ
มาอาจมีแรงขายออกมาทำให้ราคาหุ้นตัวนั้นตกลงมาได้
ด้วยเหตุนี้จุดหยุดขาดทุนจึงมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่งต่อการลงทุนแนวนี้ ทั้งนี้การกำหนดจุดขาดทุนควรจะกระทำก่อนเข้าซื้อและทางที่ดีเราควรจะจดบันทึกไว้ด้วยเพื่อไม่ให้เกิดอาการลังเลในภายหลังซึ่งอาจทำให้ได้รับความเสียหายเกินขีดความสามารถที่ยอมรับได้
อย่างไรก็ตามจุดขาดทุนของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกันไปตามสภาพจิตใจและกำลังทุนทรัพย์
การกำหนดจุดขาดทุนมีหลายแบบแต่มีวิธีที่นิยมอยู่ 2 แบบคือ 1.
กำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ว่าจะยอมรับกี่ % เมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่เราซื้อไว้ เช่น 5%, 10%, 20% 2. การกำหนดตามสัญญาณทางเทคนิค เช่น ถ้าราคาลงมาต่ำกว่าราคาต่ำ (Low) ก่อนหน้าก็ขายเพื่อหยุดขาดทุน
หรือขายเมื่อราคาหลุดเส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average) และ Indicators ต่างๆ เช่น MACD, RSI หากเป็นการเข้าเก็งกำไรระยะสั้นอาจใช้การหลุดราคาต่ำของวันก่อนหน้าเป็นต้น
ในส่วนของผมนั้นเรียนว่าผมก็พยายามศึกษาเรียนรู้และพัฒนาตัวเองทั้งแนววีไอและโมเมนตัม เพื่อหาแนวทางการลงทุนของตัวเอง
เรื่องการหยุดขาดทุนนี้ผมทำอยู่เป็นประจำเนื่องจากมีเข้าไปเก็งกำไรกับเขาเหมือนกัน ผมพยายามเก็งกำไรเป็นรอบไม่เก็งกำไรรายวันเพราะคิดว่ามันเสี่ยงเกินไป
ทั้งนี้การเก็งกำไรมีทั้งที่ประสบผลสำเร็จและผิดหวังครับ
เมื่อปริมาณการซื้อขายเพิ่มมากขึ้นจากปกติและเป็นตัวที่ผมสนใจ
ผมเข้าซื้อตามบางครั้งผลกำไรจะดีมากแต่ส่วนใหญ่ที่ผมเจอมาจะผิดหวังซะมากกว่า ครั้งแรกๆ ไม่กำหนดจุดขาดทุน ผลคือเจ็บหนัก ต่อมากำหนดไว้แต่ก็ไม่ทำตาม ผลคือเจ็บอีกกครับ
สุดท้ายถ้าจะเก็งกำไรแนวนี้
จำเป็นต้องกำหนดจุดขาดทุนตั้งแต่ก่อนเข้าและทำตามอย่างเคร่งคัด ตอนนี้ผมทำตามด้วยความเต็มใจไม่ต่อราคาและหวังว่าราคาจะเด้งกลับมาอีก
ขายคือขาย ถ้ากลับมาค่อยว่ากันใหม่ และถึงตอนนี้ผมก็ยังคงปรับหาแนวทางการลงทุนที่ตัวเองชอบอยู่
การเก็งกำไรแบบนี้สภาพตลาดต้องเอื้ออำนวยด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นเงินที่เราใส่ไปเป็นเหยื่ออาจจะค่อยๆ
หมดไปก่อนที่จะได้ปลาตัวใหญ่ก็เป็นได้ นอกจากนั้นกำลังใจเราก็จะค่อยๆ
เสียตามไปด้วย สำคัญมาก!
การลงทุนดูบางครั้งดูเหมือนยาก
บางครั้งดูเหมือนง่าย
ดูแล้วเหมือนไม่มีอะไร? ความโลภและความกลัวทำให้เราไม่สามารถทำตามความตั้งใจแรกได้ ต้องอาศัยการฝึกฝน... ขอให้โชคดี
มีสติครับ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น