หนีร้อนไปเที่ยวเสม็ด

ช่วงนี้อากาศบ้านเราร้อนได้ใจทีเดียวและก็ตรงกับประเพณีสงกรานต์ซึ่งเป็นเทศกาลหยุดยาว   ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลกับไปเยี่ยมพ่อแม่ พี่น้อง  ไปอยู่กับครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัด  เฉลิมฉลองปีใหม่ไทย  นี่คือเสน่ห์คือรากเหง้าของสังคมไทย  สังคมแบบพี่แบบน้อง   คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  เวลาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจบ้านเราจึงไม่ลำบากเหมือนชาวต่างชาติ  เราควรอนุรักษ์กันสืบต่อไป

นับวันอากาศบ้านเราจะร้อนขึ้นทุกปีๆ  คงต้องหาวิธีดับร้อนกันสักหน่อย   หลังสงกรานต์มีเพื่อนมาชวนไปเที่ยวทะเลที่เกาะเสม็ด จ. ระยอง  ผมไม่ได้ไปเที่ยวทะเลนานแล้วกำลังหาโอกาสไปพักผ่อนอยู่พอดีจึงตอบตกลงทันทีแบบไม่ต้องคิดมาก
    
ผมเดินทางไปหลังเทศกาลสงกรานต์เพื่อหลบช่วงที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น    เดินทางไปด้วยรถยนต์ส่วนตัวไปถึงบ้านเพช่วงสายๆ     หรือถ้าใครอยากเดินทางด้วยรถโดยสาร    ผมเห็นมีรถตู้บริการอยู่หลายสายที่เดียวที่จอดอยู่ที่บ้านเพ   เช่น บ้านเพ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 

เกาะเสม็ดเป็นเกาะเล็กๆ เอารถข้ามไปไม่ได้  ไม่เหมือนกับเกาะช้าง  ดังนั้นต้องฝากรถไว้ตามผู้ให้บริการเรือข้ามฝั่งและรับฝากรถต่างๆ  จากนั้นนั่งเรือโดยสารใช้เวลาเดินทางประมาณ 40-45  นาที  ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร (สอบถามจากคนขับเรือ)  

ข้ามไปบนเกาะเสม็ดแล้วการเดินทางมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง  คือ 1. เช่าจักรยานยนต์วันละ 300 บาท  หรือ 500 บาท (500 บาท ไม่ต้องเติมนำมัน น้ำมันบนเกาะค่อนข้างแพง)   2. รถโดยสาร มีแบบเหมา และแบบรายทาง (รอคนเต็มคัน) ค่าโดยสารขึ้นกับระยะทาง

เกาะเสม็ด เชื่อว่าคือเกาะแก้วพิสดารในวรรณคดี  เรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่   ซึ่งประกอบด้วยหาดและอ่าวต่างๆ เช่น หาดทรายแก้ว  อ่าววงเดือน อ่าวพร้าว อ่าวปะการัง     ลักษณะหาดทรายขาว ละเอียด  น้ำทะเลใส  หากใครชอบหาดทรายสวยๆ ต้องพักที่หาดทรายแก้ว  แต่จะมีนักท่องเที่ยวหนาตา   หากต้องการที่เงียบสักหน่อยคงต้องหาที่พักที่อ่าวอื่นๆ  ได้อย่างก็เสียอย่างครับ

เนื่องจากผมเดินทางพร้อมกับเพื่อนและครอบครัวเขา  ทำให้งานนี้ไม่ต้องคิดมากเหมือนเดินทางคนเดียว  มีคนวางแผนให้เรียบร้อย  สบายมากๆ ขอบอก  ได้ที่พักที่อ่าววงเดือน    โดยที่อ่าวมีลักษณะโค้งคล้ายพระจันทร์ครึ่งดวงยาวประมาณ 500 เมตร   หาดทรายขาว  ทรายละเอียด น้ำใส   สวยครับ!


ไปถึงที่พักช่วงเที่ยงเกือบบ่าย  อากาศร้อนจัด  พักผ่อนกันตามอัธยาศัย  ตอนเย็นแดดร่มก็ลุยน้ำทะเลกันได้เลย!   ที่นี่กิจกรรมที่น่าสนใจหลักๆ มีอยู่ 2 อย่างด้วยกัน  เช่าจักรยานยนต์ขับชมบนเกาะ จะมีจุดชมวิวอยู่หลายจุดด้วยกัน    และดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น 4-5-6 เกาะแล้วแต่โปรแกรม


ช่วงเช้าของอีกวันคณะของผมก็ได้เช่ารถจักรยานยนต์ขับไปสำรวจเกาะ   ก่อนหน้านั้นได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้นว่าระยะทางจากหัวเกาะถึงท้ายเกาะระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร   มีถนนหลักอยู่เส้นเดียว 2 เลน สวนทางกัน   หาโอกาสไปลองดูครับ(บรรยากาศไม่เหมือนตอนขับจักรยานยนต์ที่จังหวัดภาคเหนือหน้าหนาวครับ) ร้อนฝุดๆ ฮ่าๆๆ



นอกจากชมวิวไปเรื่อยๆ  ได้แวะไปที่อ่าวพร้าว  คุ้นๆ หรือไม่?   ที่เคยมีข่าวน้ำมันรั่วระหว่างการขนส่งที่ผ่านมา  ดูด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นร่องรอยแล้วนะครับ  (รูปริมขวามือบน)  

หลังจากชมวิวแล้วก็ได้เวลาที่จะไปดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นกัน   คณะผมได้ซื้อทริป 6 เกาะ 600 บาท ช่วงเที่ยงถึง 5 โมงเย็น  มีเกาะขาม เกาะปลาตีน เกาะกุฎีและเกาะทะลุ ผมจำชื้อเกาะได้ไม่หมด และไม่ค่อยได้ถ่ายรูปต้องขออภัยด้วย เพราะสนใจทะเลมากกว่า ฮ่าๆๆ น้ำใส  ปะการังสวย ปลาชุม เป็นการพักผ่อนที่ยอดเยี่ยมทีเดียว!  ไฮไลท์อยู่ที่เกาะทะลุดังรูป   ไม่ใช่ที่เดียวกับที่ประจวบคีรีขันธ์นะครับ


อย่างไรก็ดีในมิติของเศรษฐกิจผมได้สังเกตเห็นนักท่องเที่ยวมาเป็นกลุ่มๆ  อยู่ตลอดเวลา  ได้พุดคุยกับผู้ประกอบการบอกว่าปีนี้ได้นักท่องเที่ยวจีนมาค่อนข้างมากช่วยชดเชยนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่ลดน้อยไป  

ในส่วนของผู้ขับรถโดยสารบนเกาะมีรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน  และหากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวถ้าบางคนขยันสามารถทำได้ถึง 6 หลักทีเดียว   การท่องเที่ยวยังคงเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่ดีและเป็นพระเอกช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศไทยในยามนี้

วันรุ่งขึ้นเดินทางกลับเพื่อนผมวางแผนที่จะไปเข้าชมปราสาทสัจธรรมที่พัทยา  เป็นปราสาทไม้ที่มีความอลังการมาก   ขณะนี้กำลังก่อสร้างและเปิดให้เข้าชมไปด้วย   สวยงามครับ!  ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 500 บาท  เด็ก 250 บาท   หลังจากนั้นได้ไปนมัสการหลวงพ่อใหญ่ วัดพระใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวพัทยา   ระหว่างทางเห็นนักท่องเที่ยว  กลุ่มทัวร์หนาแน่น  บรรยากาศคึกคักมาก


นอกจากนั้นยังไปสักการะรูปหล่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ “พระบิดาแห่งกองทัพเรือไทยและชมอ่าวพัทยา    ผมเคยมาจุดนี้เมื่อ  4-5  ปีก่อน จะมองเห็นอ่าวพัทยาไปทั่วบริเวณ   แต่ขณะนี้มีอสังหาริมทรัพย์ก่อสร้างขึ้นมาบดบังทัศนียภาพเสียแล้ว ผมรู้สึกเสียดายครับ          

อย่างไรก็ตามการเดินทางที่ยาวไกลไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้เป็นเรื่องท้าทาย   หากการเดินทางนั้นเราไม่สามารถรู้ได้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด  และการที่เราคิดว่าเมื่อเราไปถึงเป้าหมายนั้นแล้วเราจะมีความสุข  มันอาจจะไม่จริงเสมอไป  หรือเราอาจจะไปไม่ถึงจุดนั้นก็ได้  จะดีกว่าหรือไม่ถ้าเรามีความสุขระหว่างทางที่เราเดินนั้นไปด้วย หากำไรชีวิตให้กับตัวเองบ้างนะครับ   ขอให้โชคดี มีสติครับ...

                                                                                                                         “ภูผีเสื้อ”  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด