ซื้อถูกขายแพง
บทความที่ผ่านๆ
มาได้นำเสนอเกี่ยวกับข้อมูลและการเตรียมความพร้อมในการลงทุน มุมมองต่อการลงทุนและประสบการณ์เล็กๆ
น้อยๆ หากผู้อ่านมีความสนใจจำเป็นต้องทำการศึกษาและเลือกลงทุนให้ตรงกับจริตของตัวเอง ทั้งนี้บทความนี้จะขอนำเสนอมุมองต่อกลยุทธ์ในการลงทุนในแง่มุมต่างๆ
สำหรับการลงทุนพื้นฐานการทำกำไรก็คงหนีไม่พ้นวลีว่า
“ซื้อถูกขายแพง” ผู้อ่านก็คงคิดว่าเป็นหลักการพื้นฐานของการค้า เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการลงทุน แต่สำหรับการลงทุนในหุ้นนั้นยังมีปัจจัยต่างๆ
ประกอบทำให้การซื้อถูกของแพง อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป!
ปัจจัยต่างๆคือการลงทุนในหุ้นมีเรื่องของเงินทุน ระยะเวลาที่ใช้ในการลงทุน จริตในการลงทุนและอารมณ์ของตลาด เนื่องจากตลาดหุ้นมีผู้คนมากมาย มีสถานะทางการเงินที่แตกต่างกัน มุมมองต่อการลงทุนก็แตกต่างกัน ดังนั้นเราควรพิจารณาในแง่มุมต่างๆ ของการซื้อถูกขายแพงให้รอบด้าน
อันดับแรกคือ
เราต้องมีความสามารถในการประเมินราคาหุ้น
เพื่อเราจะรู้ได้ว่าราคา ณ. ขณะนั้น ถูกหรือแพง โดยอาจะใช้การประมาณค่าโดยดูจาก PE ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ และยังมีวิธีในการคำนวณหาราคาอีกหลายวิธี ทั้งนี้ถ้าเราซื้อหุ้นที่พื้นฐานดีในราคาสูงก็ถือว่าเป็นหุ้นไม่ดี
ลำดับต่อมาคือเงินทุน เราต้องจัดการบริหารเงินลงทุน (บทความเผยแพร่เมื่อวันที่
23
มีนาคม 2558)
เพราะว่าพอร์ตการลงทุนเหมือนเราวางแผนการลงทุนหรือแผนการรบ ถ้าขาดแผนการจะทำให้เราลงทุนแบบไร้ทิศทาง โอกาสแพ้สงครามเป็นไปได้สูง และควรมีกลยุทธ์การลงทุนและมีวินัยอย่างเคร่งครัด
เนื่องจากว่าการเข้าซื้อหุ้นที่เราคิดว่าราคาถูกนั้น หากราคาลงไปอีกเราจะทยอยซื้อหรือไม่
แบ่งซื้อเป็นกี่ไม้หรือซื้อไม้เดียว(แล้วแต่กลยุทธ์) แล้วถ้าหมดเงินแล้ว เราจะทำอย่างไร? เราสามารถทนถือต่อได้หรือไม่? ซึ่งจะสัมพันธ์กับหัวข้อถัดไป
ส่วนที่อาจจะถือว่ามีความสำคัญสูงสุดคือสภาพจิตใจ เมื่อเราคาดว่าราคาหุ้นต่ำและเข้าซื้อจนหมดเงินทุนแล้ว แต่ราคาหุ้นยังลงต่อนั้นจะทำให้เกิดความเครียดเพราะไม่มีใครรู้ว่าราคาจะลงต่อไปถึงไหน และใช้เวลาอีกนานเท่าใดจึงจะกลับมาที่ราคาต้นทุน
ทั้งนี้ราคาอาจจะลงไปต่อ
5%, 10%, 20% ก็ได้
ถ้าผู้อ่านเจอเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้ทราบถึงสภาวะจิตใจของตนเองว่าจะอดทนกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ระดับใด
วิธีแก้สำหรับแนวเน้นคุณค่าซึ่งเหมาะกับมือใหม่คือไม่ต้องดูราคาหุ้นครับ ส่วนแนวเทคนิคจะใช้กราฟประกอบ จะตัดขาดทุนก่อนดีหรือไม่? ที่ระดับใดแล้วเริ่มใหม่
ขึ้นอยู่จิตใจและเงินทุนครับ
ในทางกลับกันหากราคาหุ้นสูงขึ้นแล้วขายทำกำไร ราคาหุ้นขึ้นต่อ (ศัพท์ทางหุ้นเรียกว่า “ขายหมู”) เราจะเกิดอาการเสียดาย เกิดความโลภ
ตำหนิตัวเอง
ส่งผลให้ครั้งต่อไปเมื่อหุ้นอีกตัวขึ้นสูงแล้วไม่ขาย
และราคาตกลงอีกครั้งหนึ่ง อาจทำให้เสียโอกาสในการทำกำไรได้
วิธีแก้ก็คือเปลี่ยนวิธีคิดครับ ไม่มีใครรู้หรอกว่าหุ้นจะขึ้นไปถึงไหน เมื่อราคาถึงจุดเป้าหมายสำหรับนักลงทุนแนววีไอก็ขาย
ส่วนแนวโมเมนตัมขายราคาที่พอใจหรือมีสัญญาณขายก็ขายทำกำไร ถ้าราคาไปต่อก็ถือว่าแบ่งเพื่อนๆ นักลงทุน
รวยด้วยกันครับ
อย่างไรก็ตามการซื้อถูกขายแพงเป็นเรื่องที่นักลงทุนทุกคนจะต้องประสบพบเจอ ไม่เจอกับตัวเองก็ไม่เชื่อครับผู้อ่านคงไม่ต้องถามนะครับว่าผมเคยเจอเหตุการณ์นี้มาแล้วหรือยัง ผมขอตอบว่าเจอมาแล้วครับบางตัว 1ปีครึ่งถึงหลุดครับ ขณะนี้บางตัวก็ยังติดอยู่ครับ ฮ่าๆๆ ขอให้โชคดี มีสติครับ...
“ภูผีเสื้อ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น