หาประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ
หลังจากรัฐบาลเปลี่ยนผู้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจคนใหม่ก็มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเป็นชุดๆ ทั้งกระตุ้นการบริโภคผ่านกองทุนหมู่บ้าน กระตุ้นการลงทุนเพื่อให้เกิดการจ้างงานในชุมชน
เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการช่วยเหลือสภาพคล่องทางการเงินแก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม
(SME)
ในเร็วๆ นี้จะมีมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ติดตามมา ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะนำเสนอต่อครม.
โดยเนื้อหาที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ
แต่ยังไม่เป็นข้อสรุปที่ตายตัวมีดังนี้คือ ค่าธรรมเนียมการโอนลดลงจาก 2% เหลือ 0.01% และค่าจดจำนองลดลงจาก
1% เหลือ 0.01%
ของราคาประเมิน
นอกจากนั้นยังให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์มีมาตรการผ่อนปรนในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย
ในวงเงินสินเชื่อ 10,000
ล้านบาท
โดยสามารถยืดเวลาผ่อนผันจากเพดานสูงถึง 30 ปี เป็น 35-40
ปี
และกำหนดสัดส่วนรายได้ที่นำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณเงินผ่อนชำระรายงวดเพิ่มจาก
30% เป็น 50% ของรายได้
ถ้า
ครม. มีมติเห็นชอบกับมาตรการทั้งหมดข้างต้นคงช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีชีวิตชีวามากขึ้น ทั้งนี้หากผู้อ่านเป็นนักลงทุนหรือแสวงหาอิสรภาพทางการเงินก็ไม่ควรที่จะพลาดโอกาสนี้
เพราะถือเป็นสิทธิ์ประโยชน์อย่างหนึ่ง
ไม่ผิดกฎหมาย
แล้วเราจะได้ประโยชน์จากทางไหนมาดูกัน
สำหรับผู้อ่านที่เป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์คงมีคำตอบในใจอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าจะเลือกลงทุนในบริษัทหรือหลักทรัพย์ตัวใดก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ความสามารถและประสบการณ์ในการลงทุนส่วนตัว
อัตราการปันผลของบริษัทเหล่านี้ค่อนข้างดี
แต่เมื่อเป็นขาลงราคาก็ปรับตัวลงลึกเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ผู้อ่านจำเป็นต้องคำนึงถึงความเสี่ยงอื่นๆ
ประกอบด้วย
ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการลงทุน
เงินทุนหรืออาจจะตั้งค่าจำกัดการขาดทุนไว้ล่วงหน้าก่อนเข้าซื้อลงทุน แต่เมื่อมีข่าวมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จากภาครัฐแบบนี้โอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นเป็นไปได้สูงกว่า
อีกแง่หนึ่งภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นจัดเป็นทรัพย์สินในการสร้างอิสรภาพทางการเงิน จากหนังสือดังเรื่อง “พ่อรวยสอนลูก”
ตอน “เงินสี่ด้าน” ของ Robert T. Kiyosaki ใครยังไม่เคยอ่านลองไปหาอ่านดูนะครับ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐบาลนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการหาซื้ออสังหาฯ
ให้เช่า
ทั้งนี้การลดค่าธรรมเนียมในการโอนและจดจำนองจะช่วยให้ภาระทางด้านการเงินทั้งแก่ผู้ซื้อหรือผู้ขาย
(แล้วแต่กรณี
ผู้ขายหรือผู้ซื้อจะตกลงกันอย่างไร)
แน่นอนว่าการลดลงจาก 3% เหลือ 0.02% จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้พอสมควร
ตัวอย่างเช่นถ้าซื้ออสังหาฯราคา 1 ล้านบาท จะได้ส่วนลดถึง 29,800 บาท
อย่างไรก็ตามการซื้ออสังหาฯให้เช่านั้นมีหลักการอยู่ที่รายได้ที่ได้จากการปล่อยเช่าต้องมากกว่าการส่งค่างวดต่อธนาคาร
หากเราซื้อทรัพย์นั้นแล้วต้องส่งเงินสมทบเพิ่มเข้าไปจากเงินค่าเช่าถือว่าทรัพย์นั้นเป็นหนี้สินไม่สมควรลงทุน ดังนั้นเราจำเป็นต้องเลือกหาอสังหาฯ
ด้วยความรอบคอบ
หากผู้อ่านยังไม่ได้เริ่มหาอสังหาฯ
อาจจะต้องรีบสักหน่อย
เพราะจากข่าวมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จะมีเวลาสั้นเพียง 6 เดือนเท่านั้น อีกทั้งการหาทรัพย์ที่มีส่วนต่างเหลือจากการส่งค่างวดธนาคารนั้นค่อนข้างยากทีเดียวแต่ก็ต้องพยายามกันต่อไป ผมเชื่อว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น”
โดยมีอสังหาฯ
อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจคือทรัพย์จากกรมบังคับคดี ซึ่งคาดว่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการนี้ไปด้วย
คงช่วยลดภาระทางการเงินไปได้พอสมควรแล้วแต่ราคาทรัพย์และความสามารถในการกู้เงินของแต่ละคน
ข่าวคราวความเคลื่อนไหวต่างๆ
ในแต่ละวันนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษ หากเราสามารถนำข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์ย่อมส่งผลดี
อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือนำมาปฏิบัติ ไม่มีใครเก่งแต่เกิด คงต้องฝึกฝน เรียนรู้ ปรับปรุง พัฒนา
ผมก็ฝึกไปพร้อมกับผู้อ่านครับ สู้ๆ สู้หนักมาก... ขอให้โชคดี มีสติครับ...
“ภูผีเสื้อ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น