การบริโภคกำลังกลับมา?
ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดีนักทำให้การส่งออกหดตัว ส่งผลมายังภาคการผลิตต้องมีการปรับลดกำลังการผลิตลง
ปรับลดคนงาน เลิกจ้างทำให้มีคนออกมาค้าขายมากขึ้น(มุมมองที่แตกต่าง..ใครถูก?
28 กันยายน 2558 http://freedomlife-2014.blogspot.com/2015/09/blog-post_28.html) นอกจากนั้นค่าจ้างแรงงานในบ้านเราที่สูงกว่าเพื่อนบ้านทำให้มีการย้ายฐานการผลิตอีกด้วย
ในส่วนของบ้านเราซึ่งราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ
เช่น ข้าว ยางพารา และปัญหาแรงงานในด้านประมงทำให้โรงงานแปรรูปอาหารทะเลที่สมุทรสาครปิดตัวไปหลายราย ด้วยเหตุนี้ส่งผลกระทบต่อภาคการบริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อชาวบ้านมีรายได้ลดลงและไม่มั่นใจกับรายได้ในอนาคตจึงระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยเป็นธรรมดา
ทั้งนี้ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาผมได้ไปเดินตามศูนย์สรรพสินค้า ห้างค้าปลีก ค้าส่ง
ในช่วงกลางวันในวันทำงานบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา พ่อค้า
แม่ค้าหรือพนักงานขายจับกลุ่มคุยกันเสียเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ดีจากการติดตามข่าวสารของผมนั้นพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป จากการซื้อของตามห้างค้าส่งด้วยเงินต่อครั้งจำนวนมากเปลี่ยนไปซื้อจากร้านค้าปลีกใกล้บ้านด้วยจำนวนเงินน้อยลงแต่บ่อยขึ้น เห็นหรือไม่ว่าในวิกฤตก็ยังมีโอกาส?
ร้านค้าปลีกได้ประโยชน์ดังนั้นเราต้องติดตามข่าวสารแล้วนำมาใช้ให้เป็น
โดยเดือนตุลาคมนี้ผมมีโอกาสไปเดินสำรวจ 2-3 ครั้ง ล่าสุดกลางสัปดาห์ที่ 3 ผมพบว่ามีคนมาใช้บริการในห้างค้าส่งมากขึ้นอย่างผิดสังเกตทั้งที่ไม่ใช่วันหยุด จนผมงดชมภาพยนตร์อย่างที่เคยในช่วงวันพุธ (ลดราคาเพราะเราเลือกมีอิสรภาพทางการเงินแล้วต้องใช้ให้คุ้ม ฮ่าๆ) ดังนั้นผมจึงอดคิดไม่ได้ว่าผู้คนเริ่มมีความมั่นใจในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น?
ภาคการบริโภคกำลังจะกลับมา?
ทั้งนี้เมื่อต้นเดือนกันยายนรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนหลายด้าน เช่นมาตรการกระตุ้นการบริโภค ช่วยเหลือส่งเสริมความเป็นอยู่ผู้มีรายได้น้อยโดยให้กู้ผ่านกองทุนหมู่บ้าน มาตรการกระตุ้นการลงทุน โดยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชุมชน
เพื่อให้เกิดการจ้างงานในชุมชน จัดสรรงบประมาณให้ตำบลละ 5 ล้านบาท
มาตรการช่วยเหลือสภาพคล่องทางการเงินแก่ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีและล่าสุดมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์จัดสินเชื่อให้กับผู้กู้ที่มีรายได้ไม่มากในวงเงิน
10,000 ล้านบาท เพียงแค่ 2 วันนับจากวันแรก 19 ตุลาคม 2558 มียอดสินเชื่อหลายพันล้านบาท
ด้วยเหตุนี้ผมจึงนำมาวิเคราะห์ต่อว่าหากประชาชนซื้อบ้านมากขึ้น ของใช้
ของตกแต่ง
เครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นเครื่องปรับอากาศ พัดลม หม้อหุงข้าว ฯ
น่าจะเติบโตตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ภาคการบริโภคน่าจับตามองอย่างใกล้ชิดหรือว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกำลังออกผล? ผู้คนเริ่มกล้าหรือมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยแล้ว
อย่างไรก็ตามหากผู้อ่านเห็นต่างกับผมก็สามารถไปสังเกตตามศูนย์การค้าต่างๆ
ได้เพราะผมอาจเก็บข้อมูลได้ไม่มากพอ
ถ้าเห็นว่าเป็นโอกาสก็เข้าลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคการบริโภคก่อนได้แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็อยู่นิ่งๆ ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติแต่เราต้องไม่แตกแยก..คุ้นๆ
เน่อ!
ฮ่าๆ
การลงทุนมีความเสี่ยง การไม่ลงทุนก็มีความเสี่ยง การฝึกสังเกตและวิเคราะห์มีความเสี่ยง
การไม่ฝึกสังเกตและวิเคราะห์ก็มีความเสี่ยง
นักลงทุนมีความเสี่ยง
มนุษย์เงินเดือนก็มีความเสี่ยง
เอ...แล้วชีวิตนี้จะหนีความเสี่ยงพ้นไหมหนอ? ทางสายกลาง... ขอให้โชคดี มีสติครับ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น