หยุดเปรียบเทียบกับคนอื่น...
ในยุคดิจิตอลนี้เราสามารถเลือกเสพข้อมูล
ข่าวสาร
นานาสาระทั้งด้านวิชาการและบันเทิง
รวมถึงสื่อโซเชียลต่างๆ
แล้วแต่ความสนใจของบุคคลนั้นๆ หากรู้จักนำข้อมูลมาใช้ในทางสร้างสรรค์ก็จะเกิดประโยชน์แต่ในทางกลับกันหากไม่รู้จักนำมาใช้ก็เป็นโทษแก่บุคคลผู้นั้นเช่นเดียวกัน
การเปรียบเทียบนั้นเปรียบเหมือนเหรียญ 2 ด้าน หากเรานำมาสร้างแรงบันดาลใจจะช่วยให้เรามีความพยายามมากขึ้น
แต่ถ้าเรามองในมุมลบที่มองว่าทำไมคนอื่นถึงมีถึงเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ได้
เราเกิดมาทำไมไม่เป็นอย่างนั้นบ้างก็จะเกิดความท้อแท้หดหู่ ไม่มีกำลังใจในการเดินหน้าต่อไป
ดังนั้นเราควรจะมองในมุมบวกเพื่อที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองและคนรอบตัวน่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่าอย่างแน่นอน การเปรียเทียบมีอยู่หลากหลายรูปแบบทั้งด้านการศึกษา การประกอบอาชีพ รายได้
ครอบครัว ฯลฯ ตัวอย่างเช่น การประกอบอาชีพ
การทำงานในบริษัทเอกชนส่วนใหญ่นั้น จะมีกฎบริษัทที่ถือว่ารายได้ของพนักงานเป็นความลับห้ามเผยแพร่ให้เพื่อนร่วมงานทราบเพราะถ้ารั่วไหลจะเกิดปัญหาในการบริหารงานตามมาได้ เนื่องด้วยพนักงานบางคนคิดว่าตัวเองทำงานมากกว่าควรได้รับเงินเดือนมากกว่า
เป็นต้น
ปัญหานี้เกิดจากการเปรียบเทียบอย่างแท้จริง ปกติโดยส่วนใหญ่แล้วมนุษย์มักมองเข้าข้างตัวเองเป็นหลักทำให้มีอคติเป็นที่ตั้ง ไม่สามารถทำใจให้ยอมรับได้จึงทำให้พนักงานคนนั้นไม่มีความสุขในการทำงานและอาจตัดสินใจเปลี่ยนงานได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกิจการของบริษัทนั้นๆ
ต่อไป
นอกจากนี้ข้อมูลในโลกโซเชียลก็เช่นเดียวกัน
เห็นดารา บุคคลสำคับ เซเล็บต่างๆ รวมถึงเพื่อนๆ ใช้ชีวิตแบบหรูหรา ไปเที่ยวหลายที่
ใช้สินค้าแบรนด์เนมแล้วนำมาอัพเดทสถานะให้ชมอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้นำตัวเราเข้าไปเปรียบเทียบ ทำให้เกิดความรู้สึกอยากมี อยากเป็น อยากใช้กับเขาหรือเธอบ้าง
หากเราไม่มีสติยั้งคิดอาจทำให้เราใช้จ่ายเงินเกินตัวไปกับยุคบริโภควัตถุนิยมนั้นได้อย่างง่ายๆ สิ่งที่จำเป็นในชีวิตกับสิ่งที่อยาก? แตกต่างกันนะครับ เราเลือกเองได้... หากใครมีรายได้หรือมีฐานะทางเศรษฐกิจดีไม่เดือดร้อนก็แล้วแต่...เพราะคนเรามีพื้นฐานและความสามารถในการหาเงินไม่เท่ากัน
อย่างไรก็ตามในแง่มุมของการลงทุน การเปรียบเทียบกับบุคคลอื่นนั้นอาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีเพราะหากเราเห็นว่านักลงทุนหรือเซียนหุ้นสร้างผลตอบแทนได้มาก
จะทำให้เราเกิดความโลภเร่งลงทุนจนเกินตัวซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นมีโอกาสผิดพลาดหรือแพ้สูง
ด้วยเหตุว่าประสบการณ์ในการลงทุนของเราอาจจะน้อยกว่านักลงทุนหรือเซียนหุ้นคนนั้นมาก
ผู้ที่ได้ผลตอบแทนสูงนั้นบางคนลงทุนมาเป็นสิบๆ ปี ผ่านรอบขึ้นลงของตลาดมาหลายรอบ
รู้วัฏจักรของหุ้นเป็นอย่างดี
เราคงต้องใช้เวลาในการเรียนรู้สักนิดเพื่อประสบผลสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
หากผู้อ่านอยากลัดขั้นตอน เข้าไปดูบทความ “ทางลัดรวยหุ้น !!!” ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558
http://freedomlife-2014.blogspot.com/2015/11/blog-post_15.html
อย่างไรก็ดีการลงทุนเราก็ควรมีเป้าหมายของตัวเอง เพื่อใช้ฝึกฝนและพัฒนาไปสู่เป้าหมายของชีวิต
ตัวอย่างเช่นเราอาจตั้งเป้าหมายให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่าผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น
เมื่อมีประสบการณ์เราก็ตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้นตามลำดับ
ทางออกของปัญหาการเปรียบเทียบคือการตั้งเป้าหมายของตัวเอง และพัฒนาตัวเองให้บรรลุถึงเป้าหมายนั้นๆ เราจะพบกับความสุข
แล้วจะตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้นก็สุดแล้วแต่ หยุดเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะถ้าเราดีกว่า
เราก็จะรู้สึกดีใจ หากเราด้อยกว่า
เราก็จะเสียกำลังใจ... ไม่มีประโยชน์อะไร
ถ้าเขียนอีกหน่อย คงจะเข้าไปสู่ธรรมะกันแล้วล่ะ เดินหน้าไปด้วย มีความสุขไปด้วย พักชมดอกไม้ริมทางกันบ้าง เป้าหมายคงไม่หนีไปไหน... ขอให้โชคดี มีสติครับ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น