แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (2)

หลังจากได้เข้าพักที่รีสอร์ทนอนหลับเอาแรงสัก 1 ตื่นแล้ว ก็มีภารกิจที่ต้องหาทางไปเที่ยวน้ำตกทีลอซูในวันรุ่งขึ้นให้ได้     ช่วงเย็นจึงขอยืมรถจักรยานยนต์ของรีสอร์ทไปหาข้าวเย็นกินที่ตัวเมืองอุ้มผาง  ระหว่างทางก็สอบถามถึงทัวร์ที่จะไปน้ำตกตามรีสอร์ทต่างๆ ด้วยประมาณ 3-4 แห่ง ผลคือไม่มี  เอาไงล่ะทีนี้?

ก่อนออกเดินทางได้ดูข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตคร่าวๆ ว่า น้ำตกอยู่ห่างจากตัวเมืองอุ้มผาง 30 กว่ากม.   ความตั้งใจแรกคือหากไม่มีทัวร์ก็จะหาเช่าจักรยานยนต์ไปเที่ยวแทน    จากการสอบถามที่ที่พักได้ข้อมูลว่าทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางไม่อนุญาตให้นำจักรยานยนต์เข้าไปและที่อุ้มผางก็ไม่เห็นร้านให้เช่าด้วย (ควรจะเป็นรถกระบะหรือขับเคลื่อน 4 ล้อ)

ทางเลือกคือเช่ารถยนต์ขับขึ้นไปเอง เหมารถรวมคนขับพาขึ้นไปและหรือรอเพื่อนร่วมทริปครับ    ช่วงเย็นได้สอบถามทางบุญล่ำ รีสอร์ท ได้ทราบว่าจะมีคนมาเข้าพักอีก คน ในช่วงค่ำ   และได้มีโอกาสคุยกันซึ่งมีจุดหมายเดียวกันคือไปเที่ยวน้ำตกทีลอซู  แต่ไม่ล่องเรือยางเพราะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ 1 คน   ซึ่งทางบุญล่ำรีสอร์ทมีรถเหมาไว้บริการอยู่แล้ว

ช่วงเช้าประมาณ 7-8.00 น. ทางคนขับรถจึงมาสอบถามว่าจะเดินทางกี่โมง  และแจ้งค่าบริการ 1,600 บาท ไปที่น้ำตก  ไปไหว้พระที่อุโบสถไม้สักทองและเที่ยวถ้ำด้วยแบบไปเช้าเย็นกลับ      ผมก็ไม่รอช้ามีคนร่วมแชร์ค่าใช้จ่ายแล้ว ฮ่าๆ    ที่นี่บริการเหมาไปคนเดียวก็ 1,600 บาท หลายคนก็ 1,600 บาทเช่นเดียวกัน

การที่มีคนขับรถซึ่งเป็นคนพื้นที่ไปด้วยช่วยให้ข้อมูลเราได้มาก   อีกทั้งยังมีความชำนาญในการขับรถเข้าไปยังน้ำตกที่ระยะทางจากทางเข้า(จุดซื้อตั๋ว) เข้าไปถึงจุดกางเต็นท์ ประมาณ 26.5 กม.  ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม. กับทางลูกรัง ที่เป็นขี้เลนในบางช่วง











ขอแนะนำว่าเหมารถพร้อมคนขับเข้าไปจะดีกว่า   หากเจอรถสวนกันแล้วต้องหลบข้างนั้นรถยนต์ของท่านอาจจะถูกกิ่งไม้ข้างทางทำให้เสียหายได้      หากล่องเรือยางไปจะใช้เวลาประมาณ 3 ชม.  แล้วต้องมาต่อรถยนต์ขึ้นไปที่ลานกางเต็นท์อีกประมาณ 14 กม.

หากเป็นช่วงหน้าฝน  ทางเขตฯ จะปิดไม่ให้รถยนต์วิ่งเข้าไป    แต่สามารถล่องเรือยางเข้าไปได้ลึกอีก 5 กม.  แล้วต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 9 กม. (ค่าบริการเหมาแพ 2,500 บาทต่อลำ)   ส่วนใหญ่คนที่มากับเรือยางจะซื้อทัวร์จากที่พักและนอนค้างแรมที่เต็นท์ 1 คืน และกลับไปนอนที่ที่พักอีก 1 คืน  สอบถามค่าบริการแพ็คเกจได้จากที่พัก

เมื่อถึงลานกางเต็นท์  ก็จะมีจุดจอดรถยนต์ รวมถึงร้านอาหาร 1 ร้าน คล้ายกับร้านสวัสดิการตามที่พักอุทยาน ฯ   ทั้งนี้ตัวน้ำตกต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 1.5  กม.  สามารถชมพรรณไม้ต่างๆ ระหว่างทางได้


เสียงน้ำตกดังขึ้นๆ  ยิ่งใก้ล ยิ่งดัง  และแล้วช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึงเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏตรงหน้า  ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทั้งหมดก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง



ดูแต่รูปไม่ได้ยินเสียงอาจทำให้อรรถรสในการรับชมไม่ครบถ้วน   ผมได้บันทึกคลิปวีดีโอรอบตัว 360 องศามาฝากผู้อ่านด้วย  


ผมได้ลงไปยืนตรงโขดหินด้านหน้ามีละอองน้ำลงมาสัมผัสตัวเล็กน้อย    แต่น่าเสียดายที่อีกมุมหนึ่งของยอดเขาถ่ายรูปมาแล้วมองไม่เห็นเพราะน้ำน้อยไปสักหน่อย    คุณอาคนขับรถบอกว่าควรมาเที่ยวต้นเดือนพ.ย. เพราะเพิ่งหมดหน้าฝนและเริ่มเปิดให้รถยนต์วิ่งเข้าจะสะดวกและน้ำตกสวย(น้ำมาก) วันที่แดดออกจะสวยมาก  (แนะนำให้ล่องเรือยางจะได้ชมทัศนียภาพอื่นด้วย)

เราดื่มด่ำกับน้ำตกทีลอซูมากกว่า 1-2  ชม.  จนถึงช่วงบ่าย  คนเริ่มมากขึ้นตามลำดับจึงกลับออกจากน้ำตกแล้วไปไหว้พระและชมโบสถ์สักทองที่วัดหนองหลวง    ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกมากนัก



จากนั้นไปเที่ยวต่อที่ถ้ำตะโค๊ะบิ  ซึ่งเราไปถึงเย็นแล้วทำให้มีเวลาอยู่ในถ้ำได้ไม่นานนัก



อนึ่งทางคุณอาคนขับรถบอกว่าปี  2559  น่าจะมีการโปรโมทเส้นทางถนนจากบริเวณบ้านหนองหลวง  วิ่งเข้าเขตเมียนมาร์ซึ่งเป็นพื้นราบแล้วมากลับเข้าไทยตรงอ. พบพระ  จะช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางจากพบพระ-อุ้มผาง ซึ่งเป็นทางไต่เขาได้มากทีเดียว 

ขากลับสู่ที่พักคุณอาคนขับรถสอบถามว่าพรุ่งนี้เช้ามืดจะไปดูทะเลหมอกที่ดอยหัวหมดหรือไม่?  เพื่อนร่วมทริปไม่สนใจดังนั้นจึงไม่มีภาพมาฝาก  เห็นข้อเสียของการเที่ยวคนเดียวกันบ้างหรือยังครับ?  ได้อย่างเสียอย่างเป็นสัจธรรม  แต่การท่องเที่ยวของผมยังไม่จบ จะไปไหนอีก?  ตามกันต่อสัปดาห์หน้านะครับ  ขอให้โชคดี มีสติครับ...

                                                                                                                          “ภูผีเสื้อ”          



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด