ปีแห่งการผันผวน
ในช่วงต้นปีเหมือนเป็นธรรมเนียมที่มีเกจิอาจารย์
ผู้เชี่ยวชาญ นักเศรษฐศาสตร์ โบรกเกอร์ ฯ
ได้ออกมาคาดการณ์หรือทำนายสภาวะทางเศรษฐกิจของโลก ประเทศไทยรวมถึงตลาดหลักทรัพย์
หากผู้อ่านได้ติดตามข่าวสารจะพบว่าส่วนใหญ่ล้วนระบุว่าเศรษฐกิจโลกโดยรวมยังไม่ค่อยดีนัก ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มดีขึ้น
ส่วนประเทศไทยก็มีการคาดการณ์ว่าจีดีพีจะขยายตัวในอัตราที่ไม่สูงนัก
เริ่มต้นด้วยเศรษฐกิจโลกของประเทศใหญ่ๆ
อย่างอเมริกา เมื่อปลายปี 2558 มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมีการคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอีก
3-4 ครั้งในปีนี้
ซึ่งมีทิศทางชัดเจนเป็นแนวโน้มขึ้น
ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้า(Fund flow) ไปที่อเมริกาและจะมีเงินทุนไหลออกจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
(Emerging markets)
ในส่วนของจีนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ จีดีพีโตลดลง
ตลาดหุ้นปรับตัวลง และค่าเงินหยวนกำลังจะเข้าไปอยู่ในตะกร้าเงินสกุลหลักทำให้ค่าเงินผันผวนไปทางอ่อนตัว
ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำมาหลายปีแล้ว
ปัจจุบันนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่นนั้นได้ลดอัตราดอกเบี้ยเป็น
-0.1% เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและจับจ่ายใช้สอยในประเทศ
นอกจากนั้นกลุ่มประเทศยุโรปก็ยังไม่สามารถกู้คืนเศรษฐกิจที่ตกต่ำให้กลับคืนสู่ภาวะปกติได้ ทั้งยุโรปและญี่ปุ่นอาจจะมีการออก QE
เพิ่มเติมจะส่งผลให้ค่าเงินของทั้งคู่อ่อนค่าลงอีก
ส่วนของประเทศไทยการบริโภคของประชาชนในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาดีขึ้น ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ซึ่งต้องตามดูต่อว่าหากเกิดภาวะภัยแล้งจะซ้ำเติมกับปัญหาเก่าที่ราคาพืชผลตกต่ำและส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยหรือไม่?
ด้านการส่งออกที่เป็นเครื่องจักรสำคัญของไทยนั้นในปีที่ผ่านมาติดลบ
และด้วยภาวะทางเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอทำให้การคาดหวังให้ขยายตัวสูงในปีนี้เป็นไปได้ยาก คงต้องคาดหวังจากตลาดเพื่อนบ้านใน AEC ที่มีอัตราการขยายตัวอย่างชัดเจน
เช่นเมียนมาร์ กัมพูชา ลาว
ด้านที่ไม่แน่นอนคือการลงทุนของภาคเอกชนถึงแม้ว่ารัฐบาลพยายามชักจูง ออกมาตรการลดหย่อนและให้สิทธิพิเศษต่างๆ แต่เอกชนก็ยังคงรอดูท่าที
ไม่ผลีผลามลงทุนในยามที่ภาวะเศรษฐกิจของโลกยังคงแปรปรวน
ดังนั้นเครื่องจักรที่คาดหวังของเราในปีนี้คือด้านการท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐในด้านโครงสร้างพื้นฐาน จะพบว่าการท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมามีการขยายตัวแม้เมื่อช่วงกลางปีจะเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์
ทั้งนี้ก็คาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นจากการรวมตัวของ AEC
ทั้งนี้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานถูกจับจ้องให้เป็นพระเอกของปีนี้
นอกจากให้เกิดการจ้างงาน การบริโภคและเศรษฐกิจหมุนเวียนแล้ว จะทำให้ภาคเอกชนเกิดความเชื่อมั่นและตัดสินใจลงทุนในการประกอบธุรกิจทันที
อย่างไรก็ตามในส่วนของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นไทยจะพบกับเงินทุนไหลออกกลับไปที่อเมริกา ค่าเงินบาทอ่อน จีดีพีโตต่ำ
มีปัจจัยบวกภายในบ้างด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนภาครัฐ ทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวน ด้วยเหตุนี้นักลงทุนควรวางแผน หากลยุทธ์ในการลงทุนที่เหมาะสม
สำหรับผมนั้นพยายามถือเงินสดให้มากขึ้นตามลำดับและรอให้ตลาดหุ้นมีความชัดเจนจึงลงทุนเพิ่ม ระหว่างนี้ก็เริ่มทำการศึกษาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ลงทุนในตลาดขาลงเพื่อเป็นทางเลือกในอนาคต เพราะถ้ามีความรู้
ความเข้าใจก็อาจช่วยสร้างกระแสเงินสดได้อีกทางหนึ่ง
ขณะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน อาจทำให้เราท้อแท้ ขอให้เรา “หมั่นเพียร เรียนรู้ สู่อนาคต”
เอ! คุ้นๆ นะ ฮ่าๆ..... อนาคตต้องมีเรา ผมเชื่ออย่างนั้น ขอให้โชคดี มีสติครับ...
“ภูผีเสื้อ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น