สิ้นสุดมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ทำไงต่อดี?

หลังจากพาผู้อ่านไปเที่ยวปักษ์ใต้บ้านเรากันมาแล้ว...ก็กลับมาเดินหน้าบนหนทางสู่อิสรภาพทางการเงินกันต่อไป    เวลา 6 เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก  มาตรการที่ภาครัฐลดค่าธรรมเนียมการโอน  จำนองอสังหาริมทรัพย์ก็ครบกำหนดเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา

ข่าวจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 30 เมษายน 2559 ระบุว่าราคาประเมินสินทรัพย์ที่มีการโอนและจำนองรวม 569,762 ล้านบาท  ซึ่งทางรัฐบาลเชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในวงกว้าง   ผลักดันการเติบโตของภาคธุรกิจอสังหาฯ  รวมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมอีกด้วย

นอกจากนั้นทางรัฐบาลยังกล่าวอีกว่าถึงแม้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ นี้จะหมดลง  แต่มาตรการหรือนโยบายที่สนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่นโครงการบ้านประชารัฐ     ขอให้ประชาชนคอยติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

จากข้อมูลข้างต้นเราสามารถนำมาใช้วางแผนเกี่ยวกับการลงทุนในอสังหาฯ ได้ต่อไป    หากใครที่ซื้อทรัพย์ได้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา  ก็ขอแสดงความยินดีและยกย่องที่ท่านสามารถบริหารจัดการได้อย่างยอดเยี่ยม   ได้ประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนของภาครัฐ

แต่สำหรับผู้ที่ยังหาไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจ   อย่างน้อยที่สุดท่านก็ได้ออกไปสำรวจ  ตรวจสอบ  ลงพื้นที่   ฝึกประเมินราคาทรัพย์สินกันมาบ้าง   ได้ประสบการณ์บางอย่างติดไม้ติดมือมาบ้างก็นับว่าใช้ได้แล้ว  เพราะเวลา 6 เดือนสำหรับอสังหาฯ นั้น นับว่าเป็นเวลาที่น้อยทีเดียว

ทั้งนี้ภาครัฐน่าจะออกมาตรการต่างๆ  ออกมาอีกเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังดูซบเซา     ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ   เกิดการจ้างงานและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนตามที่กล่าวมาข้างต้น    เพราะภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นมีมูลค่าทางเศรษฐกิจนับแสนล้านบาท    

ในส่วนของรานั้นมีหน้าที่ค้นหาอสังหาฯ ต่อไป   เพราะการที่เราจะเจอทรัพย์ที่ตรงกับความต้องการนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ   ต้องใช้เวลา     หากเราเจอทรัพย์นั้นแล้วประกอบกับเป็นช่วงที่ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นหรือลดหย่อนออกมาพอดี  เราจะได้รับประโยชน์จากมาตรการฯ นั้นๆ ด้วย

อย่างไรก็ดีการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบอสังหาฯ นั้นเป็นการฝึกให้เกิดความเชี่ยวชาญในการประเมินราคาหรือเลือกซื้อทรัพย์    ฝึกการเจรจาต่อรอง   และสำคัญที่สุดทำให้เกิดการเปรียบเทียบทรัพย์จากแหล่งหรือที่ตั้งต่างๆ ว่าที่ใดมีราคาถูก  แพงหรือเหมาะสม

เพราะไม่มีใครชำนาญมาแต่เกิดจึงต้องฝึกฝน    ผมขอเล่าถึงประสบการณ์ที่เคยออกสำรวจพื้นที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นทรัพย์ที่รอการขายของบริษัทแห่งหนึ่งติดต่อขอเข้าไปชมสภาพภายใน  ปรากฏว่าปล่อยทิ้งร้างมานานทำให้ภายในบ้านค่อนข้างทรุดโทรมและต้องซ่อมแซมหลายจุด

ขณะเดียวกันถัดไปอีก หลัง มีป้ายติดประกาศขายซึ่งเจ้าของบอกขายเอง   ผมติดต่อเข้าไปดูสภาพภายในบ้านวันหลัง   ผลคือดูดีกว่าบ้างหลังแรกมาก  ตกแต่งปรับปรุง  ซ่อมแซมอีกเล็กน้อยเท่านั้น    และที่สำคัญราคาขายของบ้านหลังนี้ถูกกว่าหลังแรกถึง 80,000 บาท

ด้วยเหตุนี้เราจึงจำเป็นต้องลงสำรวจพื้นที่  ขอเข้าไปดูสถานที่จริง   ดูราคาอสังหาฯ  โดยรอบ เพื่อให้ทราบถึงราคาตลาด   หากเราขยันมากหรือโชคดีอาจจะไปเจอบ้านที่ราคาถูกก็เป็นได้...(อ้าว ไหน คล้ายๆ รายการผีไปได้  ฮ่าๆ)

เมื่อเราเจอทรัพย์ที่น่าสนใจที่จะนำมาให้เช่าแล้ว   คงต้องมาดูเรื่องการเงินเป็นลำดับถัดไป   หากเราจะใช้เงินคนอื่นหมายถึงธนาคาร (Bank)   เราคงต้องดูว่าทรัพย์ที่เราหามาได้นั้นต้องมีอัตราค่าเช่ามากกว่าอัตราผ่อนชำระค่างวดกับธนาคารด้วย  เพื่อทำให้เงินงอกเงยต่อไป

หรือเราอาจจะจำเป็นต้องเพิ่มเงินทุนลงไปบางส่วน  อย่างน้อยเงินที่ลงทุนเพิ่มเข้าไปควรได้ผลตอบแทนมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารด้วย   รายละเอียดหาอ่านตามหนังสือเกี่ยวกับอสังหาฯ ได้ทั่วไป  แต่หากผู้อ่านมีเงินทุนมากจะทำตัวเป็นนายธนาคารบ้างก็ไม่เลว...เนื้อที่ในบทความนี้หมดลงแล้ว  คงต้องขอนำเสนอในโอกาสต่อไป

ทางภาครัฐพร้อมที่จะช่วยเหลือ  ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน    หากเราไม่เตรียมตัวให้พร้อมที่จะรับโอกาสนั้นไว้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง   ดังนั้นเราควรเรียนรู้  ฝึกฝน  พัฒนาตน ให้พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา  ขอให้โชคดี มีสติครับ...

                                                                                                                          “ภูผีเสื้อ” 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด