บินเดี่ยวเที่ยวนครพนม
ย้อนไปเมื่อตอนเข้าพรรษาปีที่แล้วผู้เขียนได้เดินทางออกจากบ้านเพื่อจะไปนมัสการพระธาตุพนม ที่จังหวัดนครพนม แต่เนื่องด้วยเป็นฤดูฝนและการจราจรที่หนาแน่นทำให้พลาดโอกาสนั้นไป จำต้องกับมาตั้งหลักใหม่ที่บ้าน
ด้วยเหตุนี้เข้าพรรษาปีนี้จึงไม่พลาดที่จะไปเยือนอีกครั้งและถือโอกาสท่องเที่ยว
พักผ่อน ณ. สถานที่ต่างๆ ไปด้วย
โดยใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ตัวคนเดียว สไตล์แบล็คแพ็ค หลีกหนีการใช้ชีวิตที่เร่งรีบไปสู่โหมดการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ อยู่กับปัจจุบันขณะและฝึกแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอีกตามเคย
ช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม
เริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินดอนเมืองด้วยสายการบินต้นทุนต่ำ (Low
Cost Airline)
ผู้เขียนจองเฉพาะเครื่องบินขาไปเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่พักและการเดินทางกลับค่อยไปว่ากันข้างหน้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ
ก็ถึงสนามบินนครพนมอย่างปลอดภัย
สนามบินนครพนมเป็นสนามบินเล็กๆ
อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร
ส่วนการเดินทางเข้าเมืองก็มีรถตู้คอยให้บริการ สามารถติดต่อซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ที่สนามบินได้ ค่าบริการ 100 บาท บริการส่งถึงหน้าโรงแรมที่พัก
อ๊ะ! อย่าลืมหยิบแผนที่ท่องเที่ยวเมืองนครพนมที่สนามบินติดมือมาด้วยนะขอบอก
จะได้ไม่ต้องหลงทางเสียเวลา
มีแผนที่อยู่ในมือยังไงก็อุ่นใจ..เชื่อเถอะ
เรื่องที่พักก็มีให้บริการหลายที่
หลายราคา
จะพักในตัวเมืองที่หาซื้อของกินได้สะดวกสบาย
นอกเมืองหรือติดริมโขงได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ สำหรับผู้เขียนนั้นคืนแรกเลือกพักในเมืองที่ใกล้กับร้านให้เช่าจักรยานยนต์ก่อน
เพราะว่าที่นครพนมไม่มีบริการนำรถจักรยานยนต์ไปรับ-ส่ง ณ. ที่พัก
ข้อมูลที่พักหรือการเดินทางผู้อ่านสามารถหาข้อมูลได้จากอินเทอร์เน็ตที่มีผู้มารีวิวไว้มากมาย ช่วงบ่ายออกมาเช่ารถจักรยานยนต์ค่าบริการวันละ 300 บาท จากนั้นก็เริ่มออกไปชมความงามของเมืองนครพนมกันได้เลย
เริ่มต้นจุดแรกที่หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวเวียดนามสร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ชาวนครพนม
เมื่อคราวย้ายกลับประเทศเวียดนาม ดูจากแผนที่ท่องเที่ยวแล้วนับเป็นจุดศูนย์กลางหรือหลักกิโลเมตรเริ่มต้น
(หลัก 0 กม.) และใกล้ที่พักที่ผู้เขียนนอนคืนแรก
จากนั้นขี่จักรยานยนต์เรียบริมแม่น้ำโขงขึ้นไปทางทิศเหนือ โดยแวะไปที่วัดนักบุญอันนา หนองแสง ห่างออกไป 2.5 กม.
เป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นเมืองที่มีคนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความงามแปลกตา
จากนั้นไปไหว้พระติ้วกับพระเทียมที่วัดโอกาสศรีบัวบาน
เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ
ช่วงเย็นที่เขื่อนเรียบริมโขงเป็นสถานที่ออกกำลังกาย มีทั้งการเต้นแอโรบิก วิ่ง ขี่จักรยาน
วันที่ผู้เขียนเดินทางไปนั้นมีฝนตกลงมาปอยๆ ทำให้เกิดรุ้งกินน้ำ สวยงามมาก
ได้จอดพัก ชมวิวทิวทัศน์และสูดอากาศได้เต็มปอดเชียว จากจุดที่จอดรถดูเหมือนเป็นรุ้งข้ามประเทศ พอขับรถไปใกล้ๆ อยู่ฝั่งลาวทั้งหมดเด่อ...
ช่วงมืดได้ออกไปหาของกินบริเวณตลาดโต้รุ่ง
ซึ่งไม่ไกลจากที่พักนัก
หาอาหารพื้นเมืองกินกับเขาสักหน่อย เดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง กินข้าวเปียกเส้นหรือก๋วยจั๊บญวนเป็นอาหารค่ำ เดินดูสินค้า ของกิน ของใช้สักพัก
กลับที่พัก
เก็บแรงไว้เที่ยวกันต่อพรุ่งนี้
อ้อ..ลืมบอกไปว่าระหว่างทางที่ไปเที่ยวนี้
ผู้เขียนได้แวะชมที่พักควบคู่ไปด้วย
เพราะต้องการความเงียบสงบ ขยับออกไปนอกเมืองสักหน่อย มีรถแล้วก็อย่างงี้ล่ะ ฮ่าๆๆ ... พรุ่งนี้วางแผนจะไปพักที่ใหม่
การเดินทางของผู้เขียนในทริปนี้ยังไม่จบ จะเดินทางไปไหนต่อ? โปรดติดตาม
โดยครั้งนี้จะเขียนบทความเป็นซี่รี่ย์ ต่อเนื่องกันหลายบทสักหน่อย เผื่อว่าผู้อ่านจะหาโอกาสไปพักผ่อนเหมือนผมบ้าง ออกไปดูโลกภายนอก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ...ตามกันนะครับ
ขอให้โชคดี..มีสติ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น