แบกเป้ไปเที่ยวน่าน (1)
หลังจากที่ทำงานกันมาทั้งปีอีกไม่กี่วันจะเข้าสู่ช่วงสิ้นปี
ก็ถึงเวลาที่จะหาวิธีผ่อนคลายหรือให้รางวัลกับชีวิตตัวเองบ้าง บางคนอาจชอบนอนพักผ่อน ทำกิจกรรมต่างๆที่ชอบหรือไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เพื่อไปฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อมกลับมาสู้ชีวิตกันต่อไป
ในส่วนตัวผมนั้นมีความชื่นชอบในการเดินทางไปตามแหล่งท่องเที่ยวเพื่อชื่นชมวัฒนธรรมประเพณี
และอยู่กับธรรมชาติ การไปยังสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคย ได้พูดคุยกับชาวบ้าน คนพื้นเมืองและเพื่อนร่วมทาง จะทำให้เกิดการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ฝึกการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ความอดทน ฯ
ครั้งนี้ผมสนใจที่จะไปเที่ยวที่จังหวัดน่าน ผมหาข้อมูลคร่าวๆ ในอินเทอร์เน็ต
ดูตารางเวลารถโดยสารที่แน่นอนเพียงเท่านั้น โดยที่ผมไม่ได้ทำการจองหรือกำหนดการใดๆ ผมทำแบบนี้ได้เพราะผมเดินทางคนเดียวไม่มีสิ่งใดมารบกวน สามารถปรับเปลี่ยนแผนการได้ตามสถานการณ์
ผมเดินทางด้วยรถโดยสารจากหมอชิตไปสู่เมืองน่านคืนวันอาทิตย์ที่
14 ธันวาคม 2557
ถึงเมืองน่านเช้าวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2557 สิ่งแรกที่ต้องทำคือขอแผนที่ท่องเที่ยวจากประชาสัมพันธ์เพื่อจะได้รู้ทิศทางและหาที่พัก
นั่งรถสองแถวไปตลาดสดรับประทานอาหารเช้าก่อน ระหว่างนั้นก็สอบถามข้อมูลที่พักกับคนพื้นที่ ที่เมืองน่านมีที่พักให้เลือกหลายแห่ง
ช่วงสายก็ได้ที่พักที่น่านวิลล์ มีแผนที่ท่องเที่ยวที่มีรายละเอียดดีกว่าอันแรก มีจักรยานให้ยืมขี่ไปชมเมืองด้วย
ชาวบ้านแนะนำว่าในเมืองขี่จักรยานจะดีกว่าขี่จักรยานยนต์
ซึ่งผมก็เห็นด้วยเพราะที่ตัวเมืองน่านมีทางจักรยานและมีป้ายบอกให้รถยนต์ขับระวังรถจักรยานด้วย อากาศเย็นกำลังดี ลุยกันเลย!
เริ่มต้นด้วยวัดภูมินทร์ โดยมีพระอุโบสถเป็นทรงจตุรมุข พระประธานจตุรพักตร์
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
และยังมีจิตกรรมฝาผนังในวิหารหลวงบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนสมัยนั้น
ภาพที่มีชื่อเสียงภาพหนึ่งคือภาพปู่ม่านย่าม่านกระซิบรัก
ลำดับที่สองคือวัดมิ่งเมือง
อุโบสถเป็นแบบล้านนาร่วมสมัย วิหารลายปูนปั้น ศิลปะเชียงแสนภายในมีภาพจิตกรรมฝาผนังเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองน่าน
มีเสาหลักเมืองน่านอยู่หน้าพระอุโบสถ
ลำดับที่สามคือวัดศรีพันต้น
มีวิหารที่สวยงามมีสีทองระยับ จิตกรรมปูนปั้นที่สวยงามโดยเฉพาะพระยานาคที่เฝ้าบันไดหน้าวัด
ภายในวิหารได้มีการเขียนภาพลายเส้นประวัติของพระพุทธเจ้าและประวัติการกำเนิดเมืองน่าน
ลำดับที่สี่คือวัดหัวข่วง
มีลักษณะศิลปกรรมแบบท้องถิ่นล้านนา สกุลช่างเมืองน่าน
ปัจจุบันเป็นอาคารทรงจั่ว โดดเด่นที่หน้าบันประดับลวดลายไม้ จำหลักรูปพรรณพฤกษา ซุ้มประตูหน้าต่าง
ประดับลายปูนปั้นรูปใบผักกาด อันเป็นศิลปะแบบตะวันตก นอกจากนี้มีหอไตรเก่าคล้ายวิหารแต่มีขนาดเล็ก
และทรงสูงหน้าบันและฝาชั้นบนประดับลายแกะสลักสวยงามตั้งอยู่ใกล้เจดีย์ เจดีย์มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงปราสาทหรือเรือนทอง
ลำดับที่ห้าคือวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
เป็นวัดหลวงประจำเมืองน่าน
ภายในวัดประดิษฐานเจดีย์ช้างค้ำซึ่งเป็นศิลปะสมัยสุโขทัย
โดยรอบเจดีย์มีรูปช้างปั้นด้วยปูนเพียงครึ่งตัว
ลำดับที่หกคือวัดสวนตาล
เป็นวัดที่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง
ภายในประดิษฐานพระเจ้าทองทิพย์ พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยองค์ใหญ่ ตัวเจดีย์หลังวิหารเป็นรูปทรงเจดีย์ยอดปรางค์
สุดท้ายของวันนี้ขี่จักรยานข้ามแม่น้ำน่านประมาณ
3 กิโลเมตร
(ได้เหงื่อทีเดียว) คือวัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง เป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ชาวล้านนาเชื่อว่า หากได้เดินทางไป “ชุธาตุ”
หรือนมัสการพระธาตุประจำปีเกิดจะได้รับอานิสงส์อย่างยิ่ง องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆัง
มีความสวยงาม เปล่งประกายสีทอง
องค์บุด้วยทองจังโก
ภายในตัวเมืองน่านยังมีวัดอีกหลายแห่ง สามารถไหว้พระได้มากกว่า 9 วัด แบบสบายๆ ในวันเดียว
ทริปนี้ผมพลาดการเข้าชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่านและโฮงเจ้าฟองคำเนื่องจากปิดทำการวันจันทร์และวันอังคาร แต่เท่านี้ก็ได้ชื่นชมวัดวาอารามตามสมควร ไม่เหนื่อยจนเกินไป พักผ่อนเตรียมท่องเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้นตามกันต่อนะครับ...
“ภูผีเสื้อ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น