อดออมสักนิด..เพื่อชีวิตที่มั่งคั่งในวันหน้า

ความมั่งคั่ง มั่นคง ในชีวิตน่าจะเป็นสิ่งที่มนุษย์ปุถุชนอย่างเราๆ ท่านๆ แสวงหา  เพื่อภายภาคหน้าจะได้มีชีวิตที่สุขสบาย    ไม่ต้องลำบากในยามแก่เฒ่า     ทุกคนมีความหวังแต่ได้พยายามหาทางเพื่อไปสู่สิ่งที่คาดหวังหรือไม่   ตัวเองเท่านั้นที่จะให้คำตอบกับคำถามนี้ได้

ช่วงต้นเดือนมิถุนายนได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้หญิงวัยกลางคนท่านหนึ่งขณะที่ผมกำลังวิ่งอยู่นั่นเอง   ซึ่งพี่ผู้หญิงท่านนี้ได้เล่าถึงลูกชายเพิ่งเรียนจบออกมาไม่นานและเข้าทำงานได้สักพัก     ทั้งนี้บทสนทนาเป็นการอธิบายถึงพฤติกรรมการใช้เงินของลูกชาย

โดยที่ผ่านมาลูกชายได้ทำงานปกติและนอกเวลา (Over time) ทำให้มีรายได้เดือนละประมาณ 14,000-15,000 บาท    เพื่อรวบรวมเงินไปซื้อรองเท้าสตั๊ดคู่ละ 4,000-5,000 บาท  เงินไม่พอใช้จ่ายก็ไปขอเงินจากน้าสาว    
นอกจากนั้นบางครั้งส่งเงินเดือนมาให้แม่ใช้  แต่สุดท้ายแม่ต้องจ่ายคืนกลับไปมากกว่าที่ให้มา

ผู้หญิงท่านนี้บอกว่าไม่หวังที่จะได้เงินส่งจากลูก   แค่ไม่ต้องจ่ายเพิ่มให้ลูกที่ทำงานแล้วก็นับว่าดีมากแล้วสำหรับยุคสมัยปัจจุบัน    จากข้อมูลข้างต้นคงสะท้อนอะไรได้หลายอย่างในสังคมไทย    เช่นการใช้เงินไปกับวัตถุนิยมต่างๆ    ค่านิยมของสังคมที่กำลังจะเปลี่ยนไป?

ทั้งนี้ส่วนที่ขาดหายไปในช่วงเริ่มต้นของการทำงานและเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากคือการอดออม   ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุของการบริโภคนิยม  ที่ผู้ขายผลิตภัณฑ์โหมโฆษณาตามสื่อต่างๆ  จนทำให้สินค้าต่างๆ ดูเป็นสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้ในชีวิต    แต่ในความเป็นจริงแล้วเราอาจไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งนั้นเลยก็ได้   

การอดออมเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง   หากเราจะทำธุรกิจหรือลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แต่ไม่มีเงินทุน   ธุรกรรมนั้นๆ ก็ไม่สามารถดำเนินการได้   การกู้หนี้ยืมสินบางครั้งอาจจะทำไม่ได้เพราะเราไม่มีทรัพย์สินหรือมีรายได้ไม่มากพอ   ด้วยเหตุนี้ผู้ที่เพิ่งจบใหม่  กำลังจะจบการศึกษาหรืออายุน้อยควรจะใส่ใจกับเรื่องการออมเงินให้มาก

เพราะการออมจะสร้างความมั่งคั่ง มั่นคงให้กับเราด้วยพลังแห่งดอกเบี้ยทบต้น   ยิ่งออมเร็ว ยิ่งได้เปรียบ    ด้วยเคล็บลับง่ายๆ ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ  คือ 1. ลดรายจ่าย  2. เพิ่มรายได้ 3. อยู่แบบพอเพียง   หรือจะจำแบบง่ายๆ  คาถาพารวยจากท่าน ว. วชิรเมธี    “ขยันหา รักษาดี ผูกไมตรีกับกัลยาณมิตร ดำรงชีวิตแบบพอเพียง”

บางคนอ่านจะบ่นว่าปกติรายได้แต่ละเดือนก็จะไม่พอใช้อยู่แล้วจะไปออมได้อย่างไร   แน่นอนว่าเหตุและปัจจัยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน   แต่หากเราพยายามผมเชื่อว่าน่าจะมีวันของเราบ้าง  ตัวอย่างการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเช่น การลดหรือเลิกสุรา บุหรี่ กาแฟสด  ฯ  การเพิ่มรายได้เช่น ขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ตฯ

อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญคือการดำรงชีวิตแบบพอเพียง  หากเราใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยไปกับวัตถุนิยม  ตามแฟชั่นที่หลอกล่อเราไปไม่จบสิ้น    เราคงไม่มีเงินออมมากพอที่จะนำไปต่อยอดในการทำสิ่งต่างๆ ได้    สินค้าถูกหรือแพง อยู่ที่ความคุ้มค่า  ซื้อมาไม่ได้ใช้แม้จะราคถูก..แต่ก็นับว่าแพง   ของซื้อมาใช้ 1-2 ครั้งแล้วตั้งไว้...ก็นับว่าแพง

ถึงตอนนี้ผู้อ่านลองสังเกตุสิ่งของรอบบ้านดู  ว่ามีกี่ชิ้นที่เราซื้อมาตั้งไว้เฉยๆ หรือใช้งานเพียงแค่  1-2 ครั้งแล้วก็ตั้งไว้เป็นอนุสาวรีย์  (ฮ่าๆๆ..คงมีกันบ้างไม่มากก็น้อย)   จำเพื่อไม่ทำอีกแล้วจะได้มีเงินออมเพื่อไปทำประโยชน์อื่นๆต่อไป  

ในเรื่องการออมและพลังแห่งดอกเบี้ยทบต้นนั้นสามารถหาอ่านได้จากหนังสือเกี่ยวกับการเงินโดยทั่วไป  แต่ที่อยากย้ำเตือนคือเทคนิคการออมเงินง่ายๆ   โดยให้ทำการจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งอาจจะ 5-10% ของรายได้หรืออาจจะมากกว่านั้นไปเก็บไว้ต่างหาก   ก่อนที่จะนำส่วนที่เหลือไปใช้จ่ายเพราะถ้าใช้ก่อนจะไม่เหลือเก็บ...ง่ายนิดเดียว?     
การออมนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยาก  แต่บางครั้งก็อาจจะหลงลืมไปบ้างเพราะกระแสการบริโภคนิยมเข้าปกคลุม    ยิ่งอายุน้อย เวลาในการออมมาก เงินก็โตมาก  จะนำไปต่อยอดในกิจการงานใดๆ ย่อมสะดวกสบาย  ความั่งคั่ง มั่นคงอยู่แค่เอื้อม...รีบออมเงินกันเถอะ  ขอให้โชคดี มีสติครับ...

                                                                                                                          “ภูผีเสื้อ”         

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด