อดทนรวย (Let’s Profit Run)
บทความเก่าเมื่อปีกลายได้กล่าวถึงการ “ซื้อถูกขายแพง” “จุดหยุดขาดทุน
คงช่วยให้ผู้อ่านเห็นถึงความเป็นจริงของการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ในบทความนี้จะขอนำเสนอเกี่ยวกับ “อดทนรวย” หรือ “Let’s profit
run” ผมมีความชอบกับวลีนี้ค่อนข้างมาก คงไม่มีใครไม่ชอบคำว่า “รวย” เพราะอะไรต้องอดทนรวย ตามไปดูกัน
โดยปกติคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนต้องการส่วนต่างราคา (Capital Gain) มากกว่าเงินปันผล
(Dividend) แต่ในความเป็นจริงนักลงทุนมือใหม่มักจะรีบขายหุ้นที่ราคาเพิ่งขึ้นไปไม่มากแต่ถือหุ้นตัวที่ขาดทุนไว้
ทำให้หุ้นที่อยู่ในพอร์ตแดง (ขาดทุน) เกือบทุกตัว
ปัญหาข้างต้นเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับจิตวิทยาในการลงทุนซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คงเคยเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าว การที่หุ้นตัวหนึ่งราคากำลังขึ้นไปเรื่อยๆ แสดงว่าหุ้นนั้นๆ ต้องมีองค์ประกอบใดๆ
มาสนับสนุน เช่น ผลประกอบการ
ข้อมูลพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงดีขึ้น
คนที่รีบขายเพราะมีความกลัวว่าหุ้นขึ้นไปแล้วจะตกลงมา
อย่างไรก็ดีหากผู้อ่านสามารถหาจุดขายก่อนเข้าซื้อ
โดยอาจจะทำการขายเมื่อราคาถึงราคาเป้าหมายที่ได้ประเมินไว้ก่อนแล้วหรือเมื่อถึงจุดขายทางเทคนิค ซึ่งการขายหุ้นนั้นเป็นข้อด้อยของนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องเรียนรู้ เรื่องจุดขายนี้จะขอนำเสนอในโอกาสต่อๆ ไป
ทั้งนี้ถ้าผู้อ่านปล่อยให้หุ้นที่ราคาขึ้นดำเนินต่อไปก็จะมีกำไรเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แต่ระหว่างทางนั้นราคาหุ้นจะมีความผันผวนหรือหยุดนิ่งให้เราเกิดอึดอัดใจบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ถ้ายังไม่ถึงจุดขายก็ยังคงถือต่อไป
หรือถ้าเราเห็นหุ้นตัวอื่นที่จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าอย่างชัดเจนก็เปลี่ยนไปตัวนั้น
แต่ต้องจำไว้ว่าการเข้าออกหุ้นแต่ละครั้งมีต้นทุนเหมือนกัน เมื่อเริ่มเข้าก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ในทางสถิติการเข้าออกตัวหุ้น สลับไปสลับมาบ่อยๆ ให้ผลตอบแทนน้อยกว่าการที่เราถือหุ้นที่ดีเพียงตัวเดียวในระยะเวลายาวนาน(รอบของหุ้นตัวนั้น)
คนจะรวยก็ต้องอดทนรอคอยได้ครับ
การเข้ามาลงทุนแล้วหวังรวยเพียงช่วงไม่กี่วัน กี่เดือนคงจะเป็นเรื่องยาก การลงทุนที่ดีควรจะมีความสุขควบคู่ไปด้วย ท่านผู้อ่านคงเข้าใจคำว่า “อดทนรวย” หรือ “Let’s profit run” มากขึ้นนะครับ
ในทางกลับกันเมื่อหุ้นนั้นราคาตกลง
มือใหม่จะไม่ขายหุ้นเพราะมีความคิดว่า “ไม่ขายไม่ขาดทุน” ในความเป็นจริงไม่มีใครทราบว่าราคาจะเป็นเท่าใด
ถ้าราคาลงไปแล้วกลับขึ้นมาเร็วก็ถือว่าเป็นโชคดี แต่ถ้าราคาลงไปเรื่อยๆ 2,3,5 ปีราคาก็ยังไม่กลับมาจะทำอย่างไรล่ะครับ?
ถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจะทำให้เกิดความเครียดอย่างมาก แต่ถ้ามองมุมบวกก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ต้องพบเจอสักครั้งในชีวิตการลงทุน คุณไม่เชื่อผมหรอก!!! เพราะผมก็ไม่เชื่อมาก่อนเหมือนกัน ฮ่าๆๆ ใครเจอสถานการณ์อย่างนี้จะเรียกว่า “อดทนจน” หรือ “Let’s loss run”
โดยทั่วไปเมื่อเรารู้จักอดทนรวยแล้วเราก็ต้องรู้จักหยุดจนด้วย ซึ่งเป็นของคู่กัน
“Let’s profit run & Stop loss”
การหยุดจนก็คือเมื่อหุ้นลง หรือเราซื้อหุ้นแล้วผิดทางเราก็ขายออกอาจจะตั้ง
“จุดขาดทุน” หรือ “Stop loss” ที่ 5% หรือ 10% เป็นต้น
ถ้าทำได้แบบนี้การทำกำไรของเราก็จะไม่จำกัด แต่การขาดทุนจำกัด โอกาสชนะสูง
สุดท้ายนี้ถ้าผู้อ่านเห็นด้วยกับผมก็ลองทำตามดูนะครับ
เพราะการอ่านอย่างเดียวไม่ได้ทำให้ผลเกิดขึ้นจริง
การลงมือทำจริงเท่านั้นจะช่วยให้เราเข้าใจและตลาดหุ้นจะให้คำตอบกับเราว่าเราควรลงทุนแบบใด?
การไม่ลงทุนมีความเสี่ยงนะครับ ขอให้โชคดี
มีสติครับ...
“ภูผีเสื้อ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น