แบกเป้เที่ยวสกลนคร 2

เช้าแรกที่สกลนคร ..อากาศช่วงเช้าปลอดโปร่ง  หลังจากคืนที่ผ่านมานอนหลับพักผ่อนเต็มที่แล้ว   เดินทางไปเที่ยวต่อที่ ชุมชนบ้านท่าแร่  ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองสกลนครประมาณ 21 กิโลเมตร  ไปตามเส้นทางสกลนคร-นครพนม   เป็นชุมชนชาวคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจากคำบอกเล่าของคนชาวบ้านซึ่งเป็นคนพื้นที่

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยหมู่บ้านนี้มีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมตารางหมากรุกคล้ายกับบ้านเมืองในแถบตะวันตก   ทั้งนี้สถาปัตยกรรมของอาสนาวิหารอัครเทวดามีคาแอล มีความสวยงาม ทั้งภายในและภายนอก  











นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสที่งดงามเรียงรายสองข้างทางในถนนสายหลักของหมู่บ้าน  ส่วนใหญ่บ้านที่มีรูปทรงสวยงามจะไม่มีคนอยู่อาศัยแล้ว 





จากนั้นกลับเข้าตัวเมืองแวะที่จุดชมวิวทะเลสาบหนองหานและอุทยานบัว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสกลนคร     ซึ่งอุทยานบัวห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 20 กิโลเมตร  เป็นแหล่งรวบรวมบัวพันธุ์ต่างๆ และยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวสกลนคร


ช่วงสายใกล้เที่ยง  ฝนตั้งเค้ามาทำท่าจะตกอีกแล้ว   จึงกลับเข้าไปที่พักเพื่อเช็คเอาท์และฝากกระเป๋าไว้ก่อนกลับมารับคืนในช่วงเย็น      จากนั้นไปต่อกันที่ ปราสาทพระธาตุนารายณ์แจงแวง บ้านธาตุ  เป็นพระธาตุประกอบด้วยปรางค์องค์เดียว สร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่     ในรูปแบบศิลปะเขมร สมัยบาปวน



จากนั้นเดินทางไป พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์  ตั้งอยู่กลางเทือกเขาภูพาน  ทางเส้นทางสายสกลนคร-กาฬสินธุ์  ห่างจากตัวเมืองสกลนครประมาณ 13 กิโลเมตร  บริเวณสถานที่ตั้งเป็นป่าไม้ร่มรื่น  มีไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม

 


สำหรับผู้อ่านที่ชื่นชอบการถ่ายรูปไม่ควรพลาดที่อุทยานบัวและพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ แห่งนี้    อนึ่งระหว่างทางที่จะไปพระตำหนักฯ   ฝนตกลงมาหนาเม็ดเชียว.. โชคดีที่มีร้านกาแฟอยู่ข้างทางพอดี  จึงแวะดื่มกาแฟและหลบฝนไปในตัว ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ   ดีนะที่ตกไม่นาน...ไม่อย่างนั้นแย่แน่เรา ฮ่าๆๆ

หลังจากออกจากพระตำหนักฯ  ก็เดินทางกลับเข้าเมืองและหาอาหารกลางวันรับประทานในช่วงบ่ายอ่อนๆ  แล้วเดินทางต่อไปที่พิพิธภัณฑ์ภูพาน  โชคไม่ดีที่ปิดทำการ   ชีวิตก็มีโชคดี  โชคไม่ดีบ้างเป็นธรรมดา...  จำต้องเปลี่ยนแผน ไปดูกิจการ  งานค้าขายในเมืองกันบ้าง

ช่วงบ่ายแก่ๆ  ถึงยามเย็น พักผ่อนเบาๆ   ตามอัธยาศรัย    แล้วนำรถเช่าไปคืน เพื่อเตรียมตัวกลับบ้านในช่วงหัวค่ำโดยใช้บริการของบริษัท ขนส่ง   เดินทางกลับถึงบ้านในช่วงเช้าของวันต่อไปโดยสวัสดิภาพ   ผู้เขียนเคยอ่านเจอวลีหนึ่งในนิตยสารว่า  “ไม่ทอ่งเที่ยวเสียบ้างก็ไม่รู้จักทิศทาง”   จึงอยากนำมาบอกต่อ

การเดินทางนอกจากการได้พักผ่อนหย่อนใจแล้ว  ยังได้ออกไปเห็นโลก  ไปเรียนรู้วัฒนธรรม  วิถีชีวิตของผู้คนต่างถิ่น   ได้ฝึกอยู่กับปัจจุบัน  ฝึกแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ฯ   และแล้วการเดินทางของผมในทริปนี้ก็จบลง  หวังว่าคงเป็นแรงบันดาลใจหรือแนวทางให้ผู้อ่านได้ออกไปค้นหาอะไรบางอย่างบ้างนะครับ   ขอให้โชคดี...มีสติ  

                                                                                                                          “ภูผีเสื้อ”          



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด