ใครอยากไปเที่ยวดอย?..ยกมือขึ้น

หลังจากพาผู้อ่านไปท่องเที่ยวทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานซะหลายบทความ    ออกไปชาร์จพลังชีวิตและแรงบันดาลใจให้กับตัวเองแล้วก็กลับมาสู่โลกแห่งการลงทุนกันต่อ    เห็นชื่อบทความแล้วบางท่านอาจคิดว่าผู้เขียนจะชวนไปเที่ยวภู ชมดอย อีกแล้วเหรอ   วันๆ ไม่ทำการทำงานเลยหรือไงเนี่ย?... ฮ่าๆๆ

ในช่วงเดือนกันยายนและเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้    ดัชนี SET ตกลงค่อนข้างแรงและเร็วคงทำให้นักลงทุนหลายรายมีผลตอบแทนที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก   บางคนขายหุ้นไม่ทันเนื่องจากราคาตกลงเร็วและแรง  บวกกับราคาตกลงมากจนเกินจุดหยุดขาดทุนทำให้จำเป็นต้องถือหุ้นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ หรือเรียกว่า “ติดดอย”

ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะเกิดกับนักลงทุนแนวโมเมนตัมที่เป็นนักเก็งกำไรและนักลงทุนหน้าใหม่     ส่วนนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าหรือวีไอคงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก    สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์อาจจะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

การเป็นชาวดอยหรือติดดอยนี้น่าจะเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตของนักลงทุนทุกคน       บางคนอาจจะเจอเพียง 1-2 ครั้งแล้วสามารถค้นพบแนวทางการลงทุนเป็นของตัวเอง  บางคนอาจจะเจอบ่อยครั้งเนื่องด้วยการเป็นนักเก็งกำไร   บางคนก็อาจยังไม่สามารถแก้ปัญหาการติดดอยได้จึงเป็นเรื่องที่น่าบอกเล่าและแลกเปลี่ยนกัน

สำหรับผู้เขียนเองนั้นมีประสบการณ์ตรงเช่นเดียวกัน   บ่อยครั้ง  ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ติดดอยเพิ่มอีกในครั้งหลังและการลงทุนตั้งแต่เริ่มแรกนั้นก็ยังคงติดดอยมาจนถึงปัจจุบัน ... ฮ่าๆ   เนื่องจากปัญหาเรื่องจิตวิทยา    การตัดขาดทุนเป็นเรื่องที่ทำยาก  ต้องฝึกบ่อยๆ   (ตัดขาดทุนบ่อยๆ ผู้อ่านคิดว่าทำใจได้ง่ายๆ หรือไม่?..ไม่ลองเอง..ก็ไม่รู้)

เนื่องด้วยผู้เขียนพยายามเรียนรู้การลงทุนทั้งแบบแนววีไอเพื่อสร้างมูลค่าของพอร์ตโฟลิโอ   และแนวโมเมนตัมเพื่อสร้างกระแสเงินสด    ทำให้เห็นข้อผิดพลาดที่ทำให้เกิดการติดดอยหลายข้อที่อยากจะบอกต่อเพื่อผู้อ่านจะได้ไม่ต้องมาติดดอยในสาเหตุเดียวกัน    หากผู้อ่านมีสาเหตุเพิ่มเติมสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ด้วยความยินดี

ปัญหาหลักๆ คือความโลภและความกลัว   เนื่องจากเราคิดเพียงแต่ว่าหุ้นจะปรับตัวขึ้นไปเพียงอย่างเดียว  แต่ในความเป็นจริงอาจจะไม่เป็นตามที่เราคาดก็ได้       2. เมื่อหุ้นปรับตัวลงเลยจุดหยุดขาดทุนหรือ StopLoss แล้วไม่ขายเพราะคิดว่าหุ้นแค่ย่อเดี๋ยวก็ปรับตัวขึ้นตามที่คาด 

3. ซื้อหุ้นหรือเก็งกำไรหลายตัวเกินไปทำให้เกิดความสับสนเมื่อหุ้นตกพร้อมกันทั้งตลาด ไม่รู้ว่าจะจัดการตัวไหนก่อน  4. จัดสรรเงินเก็งกำไรเกินตัวหรือ (Over Trade) หรืออาจจะไม่มีการจัดสรรเงินในการลงทุน  เมื่อผิดทางจึงส่งผลเสียหายค่อนข้างมากต่อพอร์ตโฟลิโอ  

5. ไม่มีกลยุทธ์ในการลงทุนที่ชัดเจน  เช่น ถ้าเกิดสถานการณ์หุ้นตกทั้งตลาดจะทำอย่างไร   6. เมื่อหุ้นปรับตัวลงแรง ทำให้เกิดความกลัวไม่ขายออกเพราะขาดทุนสูงกว่าจุด Stop Loss ที่ตั้งไว้ค่อนข้างมาก  ส่งผลให้ติดดอยซึ่งอาจจะเป็นระยะเวลานานหรืออาจจะสั้นไม่มีใครรู้ได้

สิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับการติดดอยคือกำลังใจที่เสียไป  หากราคาหุ้นยิ่งปรับลงลึกไปเรื่อยๆ  หรือระยะเวลานานไปเรื่อยๆ   แน่นอนว่าอาจทำให้นักลงทุนเกิดการท้อแท้    เบื่อหน่าย    ยิ่งหุ้นที่เข้าไปเก็งกำไรนั้นไม่มีเงินปันผลอีกด้วยคงสร้างความอึกอัดใจให้พอสมควร  เพราะฝากธนาคารไว้เฉยๆ ยังได้ดอกเบี้ยถึงแม้จะน้อยนิดก็ตาม            

ใครๆ ก็อยากไปเที่ยวดอยที่เป็นธรรมชาติเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ   แต่ถ้าเป็นดอยหุ้นแล้ว...ขอบอกว่าหนาวเหน็บกว่ามากจริงๆ และก็ไม่สามารถลงจากดอยได้ง่ายๆ เสียด้วย   หากผู้อ่านหลีกเลี่ยงได้... ก็จงพยายามหาทางก้าวข้ามดอยนี้ไปเถิด   สู้ๆ   ขอให้โชคดี มีสติครับ...

                                                                                                                          “ภูผีเสื้อ”         

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด