ลงทุนตามตลาด
การลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้คงทำให้นักลงทุนทั้งเก่าและใหม่อึดอัดกันหลายคน
โดยเฉพาะนักลงทุนระยะสั้นที่ทำการซื้อขายบ่อยๆ ส่วนใหญ่ผลตอบแทนน่าจะออกมาไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากตลาดหุ้นอยู่ในช่วงแนวโน้ม Sideway
คือสภาวะที่ตลาดหุ้นไม่มีทิศทางชัดเจนว่าจะขึ้นหรือจะลง
ในสภาวะ
Sideway นั้นการคาดการณ์ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลงนั้นค่อนข้างยาก ทำให้การซื้อขายนั้นผิดจังหวะ เช่นวันนี้หุ้นตัวหนึ่งมีสัญญาณซื้อ
ซื้อตามอีกวันราคาอาจจะไม่ไปต่อหรือราคากลับปรับตัวลง ส่งให้การเก็งกำไรระยะสั้นนั้นได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ตามสำหรับการลงทุนระยะยาวนั้นได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย
เนื่องจากการลงทุนแบบนี้เน้นเข้าไปซื้อธุรกิจถือลงทุนระยะยาว ดูปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ไม่เน้นการเก็งกำไรระยะสั้น
อนึ่งหากเปรียบการลงทุนระยะยาวนี้คล้ายกับการลงทุนแนวเน้นคุณค่าหรือวีไอ ส่วนการเก็งกำไรระยะสั้นคล้ายการลงทุนแนวโมเมนตัม
(อ่านบทความย้อนหลังได้ในบล็อกนี้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2558 http://freedomlife-2014.blogspot.com/2015_02_01_archive.html)
หากมองย้อนกลับไปการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(SET) ถ้าเราเริ่มลงทุนในปี 2552
SET ทำจุดต่ำสุดที่ 408.78
ทำจุดสูงสุดที่ 758.55 และขึ้นต่อเนื่องถึงปี
2553 ทำจุดสูงสุดที่ 1055.35 โดยคิดเป็นการปรับขึ้นสูงถึง
158 % ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นเฟื่องฟูเป็นขาขึ้น ซื้อหุ้นตัวไหนขึ้นเกือบทุกตัว ทำให้มีเศรษฐีหน้าใหม่เกิดขึ้นมากทีเดียว
อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นนั้นไม่ได้ขึ้นเพียงอย่างเดียวมีการปรับฐานหรือ
Sideway มีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม เปลี่ยนเป็นขาลงซึ่งเป็นไปตามวงรอบหรือวัฏจักรของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ถ้าผู้อ่านสนใจศึกษาเกี่ยวกับการหาวงรอบของเศรษฐกิจนี้สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับทฤษฎี
Elliot Wave อ่านเพิ่มเติมได้
ทั้งนี้พอจะสรุปทิศทางของตลาดหุ้นหลักๆ
ได้ 3 แนวโน้มคือ 1. แนวโน้มขึ้น (Up-Trend) 2. แนวโน้มออกข้าง
(Sideway) 3. แนวโน้มลง (Low-Trend) หากเราสามารถรู้ถึงสภาสะของตลาดนั้นๆ จะช่วยให้เรากำหนดกลยุทธ์ในการลงทุน บริหารความเสี่ยง เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะในการเข้าลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่ดีได้
หากตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นเราอาจซื้อหุ้นตัวนั้น ถือไว้ปล่อยให้ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ต่อไป (Let’s profit run) ช่วง Sideway อาจจะขึ้นขาย ลงซื้อหรืออยู่เฉยๆ
ส่วนขาลงนั้นอาจขายหุ้นออกไปแล้วเปลี่ยนไปลงทุนในผลิตภัณฑ์อื่นเช่นตราสารอนุพันธ์
TFEX อนึ่งกลยุทธ์เหล่านี้อาจเหมาะกับการลงทุนระยะสั้นมากกว่าระยะยาว
ทั้งนี้เนื้อหาที่ได้นำเสนอมาทั้งหมดข้างต้นต้องการสื่อว่าการทำกำไรจากตลาดหุ้นนั้น สภาวะตลาดมีผลอย่างสูงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะสร้างผลตอบแทนที่สูงหรือต่ำ
หากเป็นปีหรือช่วงที่ตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือกระทิงนั้นผลตอบแทนก็ควรจะสูงตามไปด้วย แต่หากเป็นขาลงหรือหมีนั้นผลตอบแทนก็จะน้อยตามหรืออาจจะขาดทุน
อย่างไรก็ดีก็ยังมีนักลงทุนบางส่วนที่สามารถเอาชนะตลาดได้ในสภาวะที่ตลาดไม่เอื้ออำนวย
ซึ่งคงต้องมีการฝึกฝนและประสบการณ์ที่มากพอสมควร
โดยส่วนนี้คงต้องยกไว้และยกย่องในความสามารถของนักลงทุนเหล่านี้
สุดท้ายนี้หากเราเข้าใจสภาวะตลาดแล้วปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลา น่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ นอกจากนั้นควรพัฒนาตัวเองต่อไปเพื่อให้สามารถชนะตลาดในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยได้อีกด้วย
สู้ๆ สู้หนักมาก! (ขอเอาคำฮิตๆ มาใช้บ้าง ฮ่าๆๆ)
ขอให้โชคดี มีสติครับ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น