โอกาสหรือหายนะ? ทางธุรกิจ

เมื่อปีกลายที่ผ่านมามีข่าวใหญ่อยู่เรื่องหนึ่งที่อึกทึกครึกโครมมากคือเรื่องการประมูลทีวีดิจิตอล    คงจะเป็นที่รับรู้ในวงกว้างเนื่องจากเกี่ยวข้องกับการรับชมโทรทัศน์ซึ่งเกี่ยวโยงกับประชาชนในทุกระดับ    หวังว่าผู้อ่านคงเคยผ่านหูมาบ้าง     ถ้าไม่เคยคงต้องถามว่าไปอยู่ไหนมา???  ฮ่าๆๆ  

หุ้นที่ขายกล่อง Set Top Box วิ่งกันกระจุยกระจาย  พอจบรอบก็ติดดอยหน้าผาสูงชันมากๆ สลบเหมือดเชียวล่ะขอบอก 

เริ่มแรกทีวีดิจิตอลถูกมองว่าจะเปลี่ยนโฉมหน้าการรับชมโทรทัศน์แบบใหม่    ทำให้ภาพมีความคมชัดสูงกว่าแบบ อะนาล็อกที่เป็นแบบดั้งเดิมซึ่งมีผู้ประกอบการเพียง 5 รายคือ 3,5,7,9,11 และช่องสาธารณะไทยพีบีเอส    ทั้งนี้ทีวีดิจิตอลจะทำให้มีจำนวนช่องเพิ่มมากขึ้นถึง 24 ช่อง    ส่งผลให้มีผู้ประกอบการมากขึ้นตามไปด้วย

ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองว่าทีวีดิจิตอลนี้จะเป็นขุมทรัพย์แหล่งใหม่    โดยการช่วงชิงงบโฆษณามหาศาลจากผู้เล่นรายเดิมในระบบอะนาล็อก     อย่างไรก็ตามการได้มาซึ่งใบอนุญาตประกอบการทีวีดิจิตอลมีมูลค่าค่อนข้างสูงหลักพันล้านบาทนั้นทำให้ต้นทุนเริ่มต้นของผู้ประกอบการค่อนข้างสูงตามไปด้วย  

นอกจากนั้นผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีต้นทุนในการผลิตเนื้อหา (Contents)  เพื่อดึงดูดผู้ชมให้ติดตามรายการของตนและสร้างเรตติ้งให้สูงเพื่อดึงงบโฆษณาจากบริษัทที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ      โดยมิติด้านการแข่งขันจะพบว่ามีการแข่งขันที่สูงมากเนื่องจากมีผู้ประกอบการหลายรายเปรียบเหมือน Red Ocean  

อย่างไรก็ดียังมีองค์ประกอบเกี่ยวกับหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่ให้ใบอนุญาต ควบคุม  รวมถึงปฏิบัติการเปลี่ยนถ่ายจากระบบอะนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอลอีกด้วย      ทั้งนี้เบื้องต้นก่อนที่ผู้ประกอบการจะเข้าทำการประมูลนั้นทุกรายจำเป็นต้องประเมินโอกาสทางธุรกิจก่อน

ด้วยเหตุและปัจจัยต่างๆขณะนั้นโดยส่วนใหญ่ก็ประเมินว่ามีโอกาสทำกำไรอย่างแน่นอน          แต่อาจจะใช้ระยะเวลาในการคืนทุนช้าเร็วแตกต่างกัน     ทั้งนี้ถ้าประเมินแล้วเห็นว่าขาดทุนคงไม่มีใครเข้าประมูล

หลังจากนั้นเหตุการณ์ผ่านมา 1 ปี  ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการ 1 รายที่ยังไม่ชำระค่างวดใบอนุญาต (เขียนบทความวันที่ 18 มิถุนายน 2558 ถ้ามีการชำระก่อนเผยแพร่บทความต้องขออภัย)  เนื่องจากประสบกับปัญหาการขาดทุนตามที่เป็นข่าวในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา       โดยอาจมีสาเหตุอยู่หลายข้อด้วยกัน

โดยสาเหตุอาจเกิดจากการแข่งขันที่สูง   สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ภาคการบริโภคมีปัญหาทำให้บริษัทต่างๆชะลอการใช้งบโฆษณา  รวมถึงการบริหารจัดการของหน่วยงานที่ควบคุมตามที่ผู้ประกอบการกล่าวอ้าง   ส่งผลให้การดำเนินงานของผู้ประกอบการนั้นไม่เป็นไปตามที่ต้องการ

อย่างไรก็ตามยังคงมีผู้ประกอบการอีก 3-4 รายที่สามารถหาประโยชน์จากการเป็นทีวีดิจิตอลได้เช่นกัน   ดังนั้นจึงไม่บ่งบอกว่าทีวีดิจิตอลจะสำเร็จหรือล้มเหลว   ทั้งนี้ผมเพียงต้องการชี้ให้เห็นถึงการประเมินธุรกิจ   ซึ่งมีทั้งโอกาสและหายนะโดยขึ้นอยู่กับมุมมอง  ความสามารถและความช่ำชองในธุรกิจของผู้ประเมิน

นอกจากนั้นปัจจัยต่างๆ ขณะที่เราประเมินก็มีผลด้วย    และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือถ้าปัจจัยต่างๆ  ไม่เป็นไปตามที่คาดนั้น   เราจะมีแผนแก้ไขหรือปรับตัวอย่างไรเพื่อให้เราหรือองค์กรของเราอยู่รอด      แต่ก็คงไม่มีใครที่เก่งมาแต่กำเนิด   ก็คงต้องอาศัยพรแสวงด้วย  ฝึกฝนๆๆ

การฝึกประเมินทางธุรกิจนั้นสามารถนำมาประยุกต์กับการลงทุนในหุ้นได้     เมื่อฝึกประเมินเห็นแล้วว่ามีโอกาสก็เข้าลงทุนแล้วติดตามผล    หากประเมินผิดก็สามารถที่จะขายหุ้นออกเพื่อหยุดขาดทุนได้   นี่เป็นข้อดีของการลงทุนในหุ้น   หากเราทำธุรกิจการออกจากธุรกิจคงจะยากกว่านี้หลายเท่าตัว

อย่างไรก็ดีการกระทำใดๆ  ที่เราทำซ้ำบ่อยๆ  แก้ไข  ปรับปรุง ทำซ้ำ   แน่นอนว่าผลลัพธ์จะออกมาดีกว่าการที่ไม่เคยลงมือทำหรือทำเพียง  1-2 ครั้งเท่านั้น      การลงทุนก็จำเป็นต้องทำซ้ำ ทำบ่อยๆ  เช่นเดียวกันเป็นกระบวนการสร้างผู้เชี่ยวชาญที่หลีกเลี่ยงได้ยาก    ต้องอาศัยการฝึกฝน...    ขอให้โชคดี มีสติครับ...

                                                                                                                          “ภูผีเสื้อ”   

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด