อย่าคิดว่าเราถูกเสมอไป

การทำกิจการงานใดๆ   ก่อนที่เราจะเริ่มลงมือทำนั้นจะมีทั้งแบบที่เราเชื่อมั่นเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์และแบบที่เราไม่ค่อยเชื่อมั่นเท่าไร      แต่จะรอให้มีความเชื่อมั่นหรือพร้อมเต็มที่อาจจะทำให้ไม่ทันกับสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าเราต้องมีความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าความคิดของเรามีความถูกต้องจึงดำเนินการตามแผนที่วางไว้   แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราคิดไว้นั้นถูก?      คำตอบคงจะเป็นผลของงานนั้นๆ ที่ออกมา   หากผลออกมาเป็นไปตามที่คาดหวังก็เป็นอันว่าความคิดของเราถูก   หากไม่สำเร็จนั่นแสดงว่าความคิดเราผิดใช่หรือไม่?

ผมทิ้งไว้เป็นประโยคคำถามเพราะว่ามีบางคนที่ไม่ยอมรับกับผลที่เกิดขึ้น       โดยยังคงยึดติดกับความคิดของตัวเองที่คิดว่าตัวเองผิดไม่ได้    บางคนดื้อรั้นดึงดัน         บางคนทั้งที่รู้ว่าตัวเองผิดแต่ก็กลัวเสียหน้าโต้แย้งด้วยเหตุผลข้างๆ คูๆ   เพราะมีอัตตา (ego) ในตัวเองสูง   คนที่มีอัตตามากก็ย่อมมีทุกข์มากขึ้นตามไปด้วย

ดังที่พระพุทธเจ้าได้ทรงส่งสอนไว้ให้ปล่อยวางอัตตา  ชีวิตเราจะเบาสบาย มีความสุขกับชีวิตมากขึ้น   ไม่เชื่อลองดูสิครับ.....ผมขอท้า  

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาผมได้อ่านบทความเรื่อง “อย่าเอนเอียงจนผิดพลาด”   ของอาจารย์ ดร. วรากรณ์ สามโกเศศ ในเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (หาอ่านได้ http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/635202)

โดยจั่วหัวว่า “มนุษย์ถูกลวงโดยตนเองได้หลายลักษณะ จนอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดอยู่บ่อยๆ”   ทั้งนี้มนุษย์จะสร้างตรรกะไม่ถูกต้อง   ไม่กลมกลืนสอดคล้องกับความเป็นจริงเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจ  ซึ่งนำไปสู่การคิดที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล   เป็นการตัดสินใจที่บิดเบี้ยวและไม่ส่งผลดี

อีกข้อหนึ่งคือความภาคภูมิในผลงานของตนเองจนเกินเหตุทำให้ตัดสินใจผิดพลาด         การที่เราสร้างผลงานใดขึ้นมาสักชิ้นหนึ่งเราจะรู้สึกภูมิใจมาก     ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับของคนอื่นหรือในระดับมาตรฐานทั่วๆ ไป   เรามักจะคิดหรือเอนเอียงเอาเองว่าของเรานั้นดีกว่า  สวยกว่า  เจ๋งกว่า   ผู้อ่านเคยเป็นบ้างหรือไม่?  

ผมเคยเป็นที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดและก็คิดว่าหลายท่านก็คงเคยเป็นเช่นเดียวกัน      หรือไม่ก็คงจะต้องพบเจอกับบุคคลในครอบครัวหรือใครๆ ที่รู้จักเป็นกับสภาวะข้างต้นมาบ้าง     เกิดเป็นมนุษย์มีทุกข์สุขอยู่คู่กันไปหนีไม่พ้นแน่ๆ

อย่างไรก็ดีสำหรับในแง่มุมของการลงทุนการที่เรายึดมั่นในแนวคิดของเรามากเกินไป      หรืออาจจะหาเหตุผลต่างๆ มาเข้าข้างตัวเองให้เรารู้สึกสบายใจนั้นก็เปรียบเหมือนดาบสองคม      ซึ่งอาจทำให้เรารู้สึกสบายใจแต่อาจส่งผลให้เราได้รับความเสียหายได้    

หากเรารู้จักเรียนรู้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้น่าจะเป็นสิ่งดี     เราจำเป็นต้องวางแผน  ทดลองและติดตามผลว่าแผนการของเรานั้นสามารถใช้งานได้หรือไม่     ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแผนหรือยัง  เราเท่านั้นที่จะตอบได้แต่ที่สำคัญคือเราต้อง “อย่าคิดว่าเราถูกเสมอไป”

ความยึดมั่นถือมั่นในตัวเองมากเกินไปนั้นนอกจากจะทำให้คนอื่นทุกข์แล้ว    จะทำให้ตนเองนั้นทุกข์มากที่สุด   พระพุทธเจ้าสั่งสอนเรามา 2,000 กว่าปียังคงใช้กับปัจจุบันได้เป็นอย่างดี      “อกาลิโก ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลาจริงๆ”   บทความนี้ทำยังไงถึงมาจบลงตรงธรรมะของพระพุทธเจ้าได้ ฮ่าๆๆ.... ขอให้โชคดี มีสติครับ...

                                                                                                                          “ภูผีเสื้อ” 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด