ลงทุนอย่างไร?...หุ้นแดงเต็มพอร์ต

หากผู้อ่านเริ่มลงทุนได้ไม่นานปัญหาหุ้นเต็มพอร์ตโฟลิโอคงต้องประสบพบเจออย่างแน่นอน         ยิ่งเป็นช่วงที่ตลาดเป็นขาลงด้วยแล้วหุ้นจะแดงเกือบทั้งหมดจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้ลงทุน    ทำให้เกิดอคติความกลัว  หดหู่ท้อแท้และสิ้นหวัง    ในทางกลับกันเมื่อตลาดเป็นขาขึ้นหุ้นเขียวเกือบทั้งพอร์ตก็ยิ้มกันหน้าบาน แจ่มใส

ผมเคยผ่านเหตุการณ์นี้มาแล้วเช่นกันและปัจจุบันก็ยังคงเจอกับปัญหาดังกล่าวอยู่   แต่ก็น้อยลงไปตามลำดับตามประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น    ด้วยเหตุนี้บทความนี้จึงขอนำเสนอมุมมองต่อปัญหาข้างต้นในแง่มุมต่างๆ  เพื่อผู้อ่านจะได้หลีกเลี่ยงความผิดพลาดหรือนำไปประยุกต์ใช้กับตัวเองได้ต่อไป

เริ่มต้นก่อนที่ผู้อ่านจะสนใจเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น     ส่วนมากจะได้รับการชักชวนจากเพื่อนฝูง  สื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ  รวมถึงบล็อกเกี่ยวกับการลงทุนซึ่งรวมถึงบล็อกนี้ด้วย     อาจจะมีส่วนน้อยที่เริ่มต้นจากการคิดได้ด้วยตัวเอง

ดังนั้นการที่มีสื่อที่ชักชวนในรูปแบบต่างๆ  ความโลภจะดึงให้บุคคลนั้นเข้าลงทุนในตลาดหุ้น       เริ่มต้นผู้เข้าลงทุนยังไม่มีความรู้ที่ชำนาญในการลงทุน  จึงทำให้การเข้าลงทุนในช่วงแรกอาศัยการฟังจากสื่อที่ชักจูงเข้ามาและรายการเกี่ยวกับหุ้นต่างๆ เป็นหลัก

อย่างไรก็ดีความโลภจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ผู้ลงทุนเข้าซื้อตามคำแนะนำของบุคคลอื่น เช่น       เพื่อนที่แนะนำลงทุน  เซียนหุ้นชื่อดัง นักวิเคราะห์  รวมถึงเจ้าหน้าที่ของโบรกเกอร์ต่างๆ           โดยเฉพาะรายการทีวีหรือวิทยุที่สัมภาษณ์นักวิเคราะห์หรือนักลงทุนมืออาชีพ หลายๆ คน

การฟังรายการนั้นนักวิเคราะห์ก็จะให้หุ้นตัวเดียวกันบ้าง  ต่างกันบ้าง   แต่ส่วนใหญ่จะต่างกัน   เมื่อผู้ลงทุนได้ฟังหุ้นตัวนั้นก็ดี  ตัวนี้ก็ดี แล้วเข้าซื้อตามหุ้นก็จะเต็มพอร์ตไปหมด    หากหุ้นเป็นขาขึ้นก็ดีไปหากหุ้นเป็นขาลงจะทำให้ผู้ลงทุนเสียหาย    เนื่องจากบางครั้งพิธีกรอาจไม่ได้ถามจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss)  หรือบอกแล้วแต่ผู้ลงทุนเป็นมือใหม่ไม่สามารถตัดขาดทุนได้

ทั้งนี้นักวิเคราะห์มีหน้าที่คาดการณ์ว่าหุ้นตัวนั้นจะเป็นอย่างไร อยู่บนพื้นฐานวิชาการของความรู้ความสามารถของนักวิเคราะห์คนนั้นๆ           บางครั้งเราอาจไม่เข้าใจในการอธิบายของเขาหรืออาจจะด้วยเวลาของรายการที่จำกัด  การแนะนำบางครั้งให้เข้าลงทุน บางครั้งเก็งกำไร   ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อนด้วย  

ในระยะถัดไปเมื่อผู้ลงทุนมีความชำนาญมากขึ้นมีกลยุทธ์การลงทุนเป็นของตัวเอง     ครั้นเห็นหุ้นหลายตัวเข้าหลักเกณฑ์ที่ตัวเองวางไว้  หากมีเงินทุนมากจะทำเป็นระบบเทรดคือซื้อหุ้นหลายๆตัวไว้ในพอร์ต  ใช้โปรแกรม (Robot Trade) ก็ย่อมได้      

หากมีเงินน้อยต้องเลือกลงทุนในหุ้นบางตัวเท่านั้นจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการพอร์ตควบคู่ด้วย       ถ้าเรามีเงินน้อยและซื้อหุ้นหลายตัวจะทำให้จัดการกับสถานการณ์ที่ผิดคาดได้ไม่ทัน   ขาดจุดโฟกัสและกังวลจนเกินไปอาจส่งผลให้เราได้รับความเสียหายเช่นกัน      

อย่างไรก็ตามรูปแบบการลงทุนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน   ดังนั้นผู้ลงทุนต้องศึกษาและพัฒนาหารูปแบบของตัวเองให้เจอว่าจะเป็นนักลงทุนแนวเน้นคุณค่าหรือแนวโมเมนตัม?         กลยุทธ์ที่ใช้ในการลงทุนเป็นอย่างไร?

ทั้งนี้ถ้าผู้ลงทุนกำหนดตัวเองได้จะทำให้ไม่สับสนในการลงทุน         จะส่งผลให้การลงทุนมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าการที่ต้องถูกบังคับให้มาเป็นนักลงทุนแนวคุณค่าหรือวีไอจำเป็นยามหุ้นตก                

สุดท้ายนี้สำหรับนักลงทุนมือใหม่คงยากที่หลีกปัญหาหุ้นเต็มพอร์ต   แต่ในที่สุดทุกสิ่งอย่างมันก็จะผ่านไป (ธรรมะอีกแล้ว!!! ฮ่าๆๆ)   เราต้องเพียรพัฒนาตัวเองต่อไป  ฟังแล้ววิเคราะห์  จะนำไปใช้หรือไม่ใช้อยู่ที่เราครับ    ขอให้โชคดี มีสติครับ...

                                                                                                                          “ภูผีเสื้อ”  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบกเป้ไปเที่ยวทีลอซู (1)

แบกเป้ไปเที่ยวพบพระ แม่สอด

แบกเป้ไปเที่ยวแม่ระมาด แม่สอด