ฝึกคาดการณ์การเติบโต...
ในช่วงต้นปีของทุกๆ
ปีจะมีหน่วยงาน สำนักอาจารย์ต่างๆ ออกมาทำนายหรือคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ
รวมถึงบริษัทเอกชนที่ผู้อ่านบางท่านสังกัดอยู่ก็จะมีการคาดการณ์หรือเอาตัวเลขจากหน่วยงานทางราชการมาใช้เป็นฐานในการประมาณยอดขาย
ตั้งเป้าหมายและมอบหมายให้พนักงานทุกคนไปดำเนินการ
ทั้งนี้การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสำนักงานต่างๆ จะออกมาต่างกัน (ที่ผ่านมาน้อยมากที่จะตรงกัน) คำถามคือแล้วเราจะเชื่อของสำนักไหน? ผมก็บอกไม่ได้เพราะไม่ทราบปัจจัยต่างๆ
ของแต่ละสำนักที่เอามาใช้
คงต้องหมั่นสังเกตหรือไปดูย้อนหลังว่าของหน่วยงานไหนออกมาใกล้เคียงที่สุด
โดยผ่านมาครึ่งปีตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ
เริ่มทยอยออกมาตามลำดับ ผลสรุปคือเศรษฐกิจตกต่ำลงส่งผลให้หน่วยงานต่างๆ ต้องทำการปรับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปีนี้ลง ซึ่งก็ต้องติดตามต่อไปว่าในท้ายที่สุดแล้ว ผลจะออกมาอย่างไร?
อย่างไรก็ตามในส่วนของภาคเอกชนบางอุตสาหกรรมมีการปรับเป้ายอดขายให้สูงขึ้น เนื่องจาก 6 เดือนที่ผ่านมามียอดขายที่เกินเป้าหมายในครึ่งปีแรกแล้ว
แต่บางอุตสาหกรรมก็มีการปรับเป้าหมายลงเช่นเดียวกันซึ่งเป็นไปตามสภาวะของเศรษฐกิจ
ด้วยเหตุนี้การคาดการณ์จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้กำหนดเป้าหมายให้กับองค์กรหรือบริษัท แต่เมื่อผ่านไปกลางปีก็มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงซึ่งอาจจะปรับเพิ่มหรือลดก็ได้ หรือจะบอกอีกอย่างหนึ่งคือเพื่อทำให้การทำงานในครึ่งปีหลังมีจุดมุ่งหมายมากขึ้นนั่นเอง
ตัวอย่างที่แสดงถึงการปรับตัวเลขขึ้นลงอย่างง่ายๆ คือโบรกเกอร์ที่ปรับราคาหุ้นบริษัทต่างๆ อยู่เกือบตลอดๆ
ทั้งนี้ในส่วนของผมครั้งอดีตที่ยังทำงานประจำอยู่ในช่วงต้นปีจะได้รับมอบหมายเป้ายอดขาย พอผ่านไปครึ่งปีแล้วก็จะสามารถประมาณยอดขายได้แม่นยำมากขึ้น อาจจะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ทางผู้บริหารไม่ได้ปรับลดเป้าหมายแต่ผมแอบคิดเองว่าผู้บริหารรู้อยู่แล้วแต่ต้องการให้เราขยันมากๆ
ฮ่าๆ
อย่างไรก็ดีก่อนที่ผมจะเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ผมเห็นว่าการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจรวมถึงการปรับการคาดการณ์ในภายหลังได้นั้นทำให้ผมไม่เห็นความจำเป็นของการคาดการณ์เพราะตั้งแล้วเปลี่ยนได้ ไม่มีเหตุผล
จะทำไปเพื่ออะไร?
แต่ในแง่ของการลงทุนนั้นเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเราจะได้ใช้ประเมินอนาคตทางธุรกิจของบริษัทหรือกิจการนั้นๆ
ที่กำลังอยู่ในกระแส (in trend) กิจการหรืออุตสาหกรรมนั้นจะล้อไปกับเศรษฐกิจ ดังนั้นเรามาสามารถนำเอาอัตราการเติบโตที่สักนักต่างๆ
คาดการณ์ไปใช้ทำนายยอดขายของหุ้นตัวที่เราสนใจได้
เนื่องด้วยในท้ายที่สุดราคาหุ้นจะสะท้อนพื้นฐานนั่นก็คือผลประกอบการที่ทำได้ ยิ่งมีการเติบโตของยอดขายและกำไรสูง ราคาหุ้นก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย และเมื่อเราประเมินช่วงต้นปีแล้วว่าดีก็เข้าซื้อลงทุน
จากที่นำเสนอมาข้างต้นเมื่อผ่านมาครึ่งปีหรืออาจจะทุกไตรมาส (งบการเงินออกทุกไตรมาส เข้าไปดูที่กลต. http://market.sec.or.th/public/idisc/FinancialStatement.aspx?lang=th&reportcode=PP06) เราสามารถเข้าไปติดตามผลคือตรวจสอบว่ายอดขายหรือกำไรเป็นไปตามที่คาดหรือไม่ จะมีการปรับเพิ่มหรือลดหรือไม่?
ดังนั้นเราควรทำการประเมินถึงโอกาสว่าบริษัทนั้นจะทำได้ถึงเป้าหมาย ดีกว่าหรือแย่กว่า? ตัวแปรปัจจุบันต่างๆ แล้วพิจารณาดำเนินการแก้ไขต่อไป เพราะว่าผลประกอบการที่ออกมาจริงสะท้อนถึงการคาดการณ์เริ่มต้นรวมถึงความเป็นไปได้ของผลประกอบการปลายปีที่จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่
บทสรุปคือการคาดการณ์เป็นส่วนสำคัญทำให้เรามีเป้าหมาย การติดตามผลเป็นตัวช่วยให้เราทราบว่าเราอยู่ส่วนไหนของจุดหมายและยังช่วยให้เราทบทวน
ปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ตามสถานการณ์ ไม่มีใครคาดการณ์ได้ถูก
100% หากเราฝึกบ่อยๆ
จะมีความแม่นยำมากขึ้นเอง ขอให้โชคดี มีสติครับ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น